นางธนาภรณ์ พรหมสุวรรณ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่าที่ประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ(กผส.) ที่มีพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบการดำเนินมาตรการให้เงินช่วยเหลือเพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีราย โดยผู้สูงอายุที่จะได้เงินช่วยเหลือ ต้องเป็นผู้ที่อยู่ในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ มีอยู่ประมาณ 4 ล้านคน
โดยเป็นผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท จะได้รับเพิ่มเดือนละ 100 บาท จากเดิมได้เดือนละ 300 บาท และผู้ที่มีรายได้มากกว่า 30,000 บาท แต่ ไม่เกิน 1000,000 บาท ได้รับเพิ่มเดือนละ 50 บาท จากเดิมได้เดือนละ 200 บาท ระยะแรกจะจัดสรรให้ 3 เดือนก่อนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม -กันยายน 2561
สำหรับผู้สูงอายุต้องนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปติดต่อที่ธนาคารกรุงไทย เพื่อลงทะเบียนกดเงินสดที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคาร การกดขั้นต่ำจะได้ 100 บาทขึ้นไป สำหรับผู้ที่ได้รับ 50 บาทต่อเดือน จะต้องรอสะสมให้ครบ 100 บาทก่อน ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานไปยังกระทรวงการคลังและกรมบัญชีกลาง เพื่อเพิ่มเงินในบัตร คาดติดต่อที่ธนาคารกรุงไทยได้ภายในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้
สำหรับแหล่งเงินที่จะมาช่วยเหลือผู้สูงอายุ มาจากเงินบำรุงกองทุนผู้สูงจากภาษีสรรพสามิต ส่วนที่เกี่ยวข้องกับสินค้าสุราและยาสูบ ในอัตรา 2% แต่ไม่เกินปีละ 4,000 ล้านบาท ขณะนี้มีเงินจากภาษีเข้ากองทุนผู้สูงอายุแล้ว 1,402 ล้านบาท เงินบริจาคจากผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ส่วนนี้ได้เปิดให้ผู้สูงอายุแจ้งความประสงค์บริจาคตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2560 มีผู้บริจาคแล้วเพียง 515 ราย อยากเชิญชวนให้ผู้สูงอายุที่มีรายได้พอเพียงร่วมบริจาค
