บอร์ด สปสช. เห็นชอบเพิ่มบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค 5 รายการเน้นดูแลและคุ้มครองผู้มีสิทธิบัตรทอง ให้เข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็น
ในการประชุม คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ครั้งที่ 3/2566 เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ได้มีมติเพิ่มสิทธิประโยชน์ขอบเขตบริการสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท จำนวน 4 รายการ และปรับแผนการจัดหายา เวชภัณฑ์ฯ ตามโครงการพิเศษปี 2566 โดยเพิ่มปริมาณการจัดหาวัคซีนเอชพีวีเพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูก อีก 1 รายการ
สำหรับรายการสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้น 4 รายการ ประกอบด้วย
1. บริการตรวจสุขภาพช่องปาก และบริการขัดและทำความสะอาดฟัน สำหรับกลุ่มอายุ 25-59 ปี และกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป
2. บริการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง (HIV Self test)
3. บริการตรวจคัดกรองโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดรุนแรงในทารกแรกเกิดด้วยเครื่องเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว (Pulse oximeter)
4. บริการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและซี ในประชาชนทั่วไปที่เกิดก่อนปี 2535
ส่วนการปรับแผนการจัดหายา เวชภัณฑ์ฯ ตามโครงการพิเศษ ปี 2566 เป็นการดำเนินการในส่วนบริการวัคซีนเอชพีวีเพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูกในเด็กนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ปีการศึกษา 2562-2564 ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนจากปีก่อนหน้านี้
รศ.พญ.ประสบศรี อึ้งถาวร กรรมการบอร์ด สปสช. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำหนดประเภทและขอบเขตในการให้บริการสาธารณสุข กล่าวว่า บริการตรวจสุขภาพช่องปาก และบริการขัดและทำความสะอาดฟัน เป็นบริการพื้นฐานที่เดิมมีอยู่แล้ว ไม่ใช่บริการใหม่ แต่ไม่ครอบคลุมประชากรกลุ่มอายุ 25-59 ปี และกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป
ทั้งนี้ จากข้อมูลปี 2566 พบว่าประชากรทั้ง 2 กลุ่มนี้ มี 47.26 ล้านคน ใน 6 เดือนนี้ตั้งเป้ากลุ่มเป้าหมายรับบริการที่ 10% หรือ 4.73 ล้านคน โดยเป็นการเบิกจ่ายจากงบประมาณสิทธิประโยชน์บริการสร้าเสริมสุขภาพและป้องกันโรค รูปแบบเหมาจ่ายกรณีทันตกรรมที่มีรองรับไว้เพียงพออยู่แล้ว
เช่นเดียวกับ บริการชุดตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง ที่แหล่งงบประมาณมีงบสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคแบบเหมาจ่ายเอชไอวีรองรับไว้อยู่แล้ว โดยบริการนี้ เป็นมาตรการเพิ่มเติมให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง เพื่อเข้าสู่ระบบบริการป้องกันและรักษาเร็วขึ้น
กรณีพบผลตรวจเป็นบวก จะต้องตรวจยืนยันซ้ำอีกครั้ง เบื้องต้นได้ต่อรองราคาชุดตรวจที่ผ่านการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว ซึ่งกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่คาดว่าจะได้รับการตรวจคัดกรองเบื้องต้น จะมีเพิ่มขึ้น 238,900 ราย บวกกับกลุ่มเป้าหมายเดิม 660,200 ราย รวมเป็น 899,100 ราย
สำหรับบริการตรวจคัดกรองโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดรุนแรง ในทารกแรกเกิด ด้วยเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว มีกลุ่มเป้าหมาย 271,800 ราย แต่เนื่องจากปัจจุบันทารกแรกเกิด 50% ได้รับการตรวจด้วยเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้วอยู่แล้ว ซึ่งมีกลุ่มที่ยังไม่ได้ตรวจ 135,900 ราย
ขณะที่บริการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและซี ในประชาชนทั่วไปที่เกิดก่อนปี 2535 จะเป็นการตรวจ 1 ครั้งตลอดชีวิต มีกลุ่มเป้าหมาย 20-30 ล้านคน แต่ในระยะ 6 เดือนนี้ ตั้งเป้าตรวจคัดกรองให้ได้ 1 ล้านคน โดยทั้ง 2 รายการนี้ดำเนินการโดยใช้งบประมาณจากเงินรายได้สูง (ต่ำ) กว่าค่าใช้จ่ายสะสมปี 2565 ในรายการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
ในส่วนของการปรับแผนการจัดหายา เวชภัณฑ์ฯ ตามโครงการพิเศษ ปี 2566 จะเป็นส่วนของบริการวัคซีนเอชพีวีเพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูกในเด็กนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ปีการศึกษา 2562-2564 เนื่องจากปี 2562-2564 มีวัคซีนเอชพีวีไม่เพียงพอให้จัดซื้อ ทำให้มีนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่ตกค้างยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 1.2 ล้านคน ทำให้มีส่วนที่ต้องจัดซื้อเพิ่มเติม
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ไฟเขียว พม. ใช้งบกว่า 7,700 ล้าน ช่วยที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อย 2.7 หมื่นครัวเรือน ถูกไล่รื้อจากระบบราง
- สธ.ร่วม สปสช. เพิ่ม ‘ชุดตรวจคัดกรองเอชไอวีด้วยตัวเอง-ไวรัสตับอักเสบ’ สิทธิบัตรทอง เพื่อเข้าถึงการรักษารวดเร็ว
- สปสช. สำรวจความเห็นประชาชน-สถานพยาบาล ทั่วประเทศ หวังปรับปรุงระบบบัตรทองปี 2566