Business

ปัจจัยลบรุมเร้า ทุบดัชนีอสังหาฯ ไตรมาส 1/2567 ที่อาศัยหดตัวทั้งฝั่งผู้ซื้อ-คนขาย

REIC เผยดัชนีอสังหาฯ หมวดที่อยู่อาศัย ไตรมาส 1 ปี 2567 ปรับตัวลดลง 2.8% ตาม GPD ผลจากปัจจัยลบรอบด้าน คาดการณ์ทั้งปี ดีสุดขยายตัว 10.3% แย่สุดติดลบ 9.7% 

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ REIC รายงานดัชนีรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ (หมวดที่อยู่อาศัย) ของประเทศไทย ในภาพรวมของ ไตรมาส 1 ปี 2567 มีค่าดัชนีเท่ากับ 79.6 โดยปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า 2.8% และพบว่าลดลง 15.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ดัชนีอสังหาฯ

ทั้งนี้ เป็นผลจากการปรับตัวลงของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไทย (GDP) ในไตรมาส 1 ปี 2567 ที่ชะลอตัวลง โดยขยายตัวเพียง 1.5% เนื่องจากภาคการเกษตรและหมวดอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลง

ประกอบกับด้านการใช้จ่ายของรัฐบาล การลงทุนของภาคเอกชน การส่งออกสินค้าที่มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการบริโภคขั้นสุดท้ายของเอกชนชะลอตัวลง ทั้งนี้ มีเพียงภาคบริการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIC เปิดเผยว่า ผลจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจได้ส่งผลต่อการชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัย โดยพบว่า ดัชนีรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ (หมวดที่อยู่อาศัย) ของประเทศไทยในไตรมาส 1 ปี 2567 ลดลง 15.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน

ทั้งนี้เป็นการลดลงทั้งในด้านของอุปสงค์และอุปทาน โดยด้านอุปสงค์ของที่อยู่อาศัย พบว่า ด้านโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยลดลงทั้งหน่วยและมูลค่า 12.4%และ 13.4% ตามลำดับ และอัตราดูดซับห้องชุดใหม่ลดลง 1.9% และอัตราดูดซับบ้านแนวราบใหม่ลดลง 0.8%

ส่วนในด้านอุปทาน พบว่า ที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 16.5% ในขณะที่พื้นที่อนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยลดลง 25.3%

ตารางที่ 1 ดัชนีรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ หมว

ส่องปัจจัยลบกระทบดัชนีอสังหาฯ หมวดที่อยู่อาศัย

1. การยกเลิกการผ่อนคลายมาตรการ LTV ของ ธปท.

2. ภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังคงมีอัตราส่วนที่สูงกว่า 90% ของ GDP ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สถาบันการเงินต้องเพิ่มความเข้มงวดในการพิจารณาปล่อยสินเชื่อ และพบการปฏิเสธสินเชื่อของสถาบันการเงินในสัดส่วนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อย-ปานกลาง

3. ภาวะดอกเบี้ยนโยบายยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 2.5% ซึ่งมีผลต่อความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยให้ลดลงโดยตรง

4. การที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า

สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมีรายได้เพิ่มขึ้นน้อย ขณะที่ค่าครองชีพมีแนวโน้มสูงขึ้น ภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น แต่ความสามารถในการซื้อและการผ่อนชำระลดลง ซึ่งจะกระทบต่อยอดขายที่อยู่อาศัยโดยตรง

ดร.วิชัย
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์

สำหรับทิศทางภาพรวมดัชนีรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ (หมวดที่อยู่อาศัย) ในปี 2567 แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนองสำหรับที่อยู่อาศัยที่ไม่เกิน 7.00 ล้านบาท ที่ครอบคลุมทั้งบ้านใหม่และบ้านมือสอง สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 แต่ด้วยปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ และยังคงต้องเผชิญกับปัจจัยลบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ คาดว่า ภาพรวมดัชนีอสังหาฯ (หมวดที่อยู่อาศัย) ปี 2567 จะขยายตัวได้เพียง 0.2% หรืออยู่ที่ระดับ 87.5 สำหรับกรณีฐาน (Base Case) โดยคาดว่า เป็นการปรับตัวดีขึ้นจากปัจจัยด้านอุปสงค์การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย ขณะที่อุปทานด้านพื้นที่อนุญาตก่อสร้าง และอุปทานที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนอาจจะปรับตัวดีขึ้นจากปี 2566 เพียงเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม หากปัจจัยทั้งด้านอุปสงค์และอุปทานมีการปรับตัวดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ในกรณีฐาน (Base Case) ดัชนีฯ อาจจะปรับเพิ่มมาอยู่ที่ระดับ 96.3 หรือ ขยายตัวได้ถึง 10.3% ในกรณี Best Case

แต่ในทางกลับกัน หากปัจจัยเหล่านี้มีการปรับเป็นลบที่รุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ดัชนีฯ ก็อาจจะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 78.8 หรือลดลงได้ถึง 9.7% ในกรณี Worst Case

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo