Business

ชลบุรีเนื้อหอม แห่ผุดบ้าน-คอนโด ดันยอดเปิดตัวโครงการใหม่พื้นที่ EEC เพิ่มขึ้น 65.6%

REIC เผยสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่ EEC ไตรมาส 1/2567 ชลบุรีเนื้อหอมสุด เปิดโครงการใหม่สูงสุดทั้งบ้าน-คอนโดฯ ดันยอดเปิดตัวโครงการใหม่พื้นที่ EEC เพิ่มขึ้น 65.6%

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC)  เปิดเผยรายงานผลการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยอยู่ระหว่างการขาย ในไตรมาส 1 ปี 2567 ของพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

พื้นที่ EEC

จากการสำรวจเฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วย พบว่า ภาพรวมในพื้นที่ EEC 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง มีจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยเสนอขาย 50,401 หน่วย เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ แบ่งเป็นหน่วยเสนอขายที่เป็นอาคารชุด 22,657 หน่วย เพิ่มขึ้น 25.1% มูลค่า 80,972 ล้านบาท และหน่วยเสนอขายที่เป็นบ้านจัดสรร 27,744 หน่วย ลดลง 13.8% มูลค่า 92,448 ล้านบาท โดยพบว่า หน่วยเสนอขายที่เป็นอาคารชุดส่วนใหญ่ถึง 88.7% อยู่ในจังหวัดชลบุรี ขณะที่บ้านจัดสรรอยู่ในจังหวัดชลบุรี 49.3% ที่เหลือกระจายอยู่ในจังหวัดระยองและฉะเชิงเทรา 34.2% และ 16.5% ตามลำดับ

ขณะที่การเปิดตัวโครงการใหม่ในภาพรวม EEC มีจำนวน 8,420 หน่วย เพิ่มขึ้น 65.6% มีมูลค่า 32,240 ล้านบาท โดยหน่วยเปิดขายใหม่ส่วนใหญ่ 67.6% เป็นอาคารชุด และอาคารชุดส่วนใหญ่เปิดใหม่เกือบทั้งหมดถึง 97.2% อยู่ในจังหวัดชลบุรี และทาวเฮ้าส์ส่วนใหญ่ถึง 79.9% อยู่ในจังหวัดชลบุรีเช่นกัน

ส่วนบ้านเดี่ยว ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดชลบุรีและระยองใกล้เคียงกันที่ 43.4% และ 41.8% ขณะที่จังหวัดฉะเชิงเทรา มีที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ค่อนข้างน้อยในทุกประเภทที่อยู่อาศัย

ในส่วนของยอดขายได้ใหม่ในภาพรวม EEC มีจำนวน 6,557 หน่วย เพิ่มขึ้น 14.2% โดยมีมูลค่า 21,745 ล้านบาท ทั้งนี้พบว่าเป็นผลมาจากการขยายตัวภาพรวมการขายอาคารชุดใหม่ที่มีจำนวน 3,112 หน่วย เพิ่มขึ้น 100% โดยมีมูลค่าการขาย 9,749 ล้านบาท

Vichai 9783
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์

ทั้งนี้ อาคารชุดที่ขายได้เกือบทั้งหมดถึง 89.6% ขายได้ใหม่อยู่ในจังหวัดชลบุรี ขณะที่ยอดขายใหม่ของบ้านจัดสรรในภาพรวม EEC มีจำนวนเพียง 3,445 หน่วย ลดลง 17.7% มีมูลค่า 11,996 ล้านบาท

ดร.วิชัย กล่าวว่า จากการที่หน่วยอาคารชุดเปิดใหม่มากกว่าหน่วยที่ขายได้ใหม่ ส่งผลทำให้เกิดการสะสมของหน่วยเหลือขาย โดย ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2567 มีจำนวนหน่วยเหลือขายในพื้นที่ EEC จำนวน 43,844 หน่วย ลดลง 1.6% โดยมีมูลค่า 151,674 ล้านบาท

ในจำนวนนี้ เป็นอาคารชุดเหลือขาย 19,545 หน่วย เพิ่มขึ้น 18% มีมูลค่ารวม 71,223 ล้านบาท โดยอาคารชุดที่เหลือขายส่วนใหญ่ถึง 88.5% อยู่ในจังหวัดชลบุรี ขณะที่บ้านจัดสรรที่แม้ว่ามียอดขายลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ยังมีจำนวนหน่วยที่เปิดตัวใหม่ที่น้อยกว่าหน่วยที่ขายได้ใหม่มากพอสมควร ส่งผลให้มีหน่วยเหลือขายของบ้านจัดสรรมีจำนวน 24,299 หน่วย ลดลง 13.2% มีมูลค่า 80,451 ล้านบาท

จะเห็นได้ว่า ตลาดอาคารชุดในไตรมาส 1 ปี 2567 มีความคึกคักขึ้นในพื้นที่จังหวัดชลบุรีเท่านั้น โดยมีการเปิดตัวโครงการใหม่มากในโซนพัทยาถึงจอมเทียน มากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึงกว่า 1.5 เท่า และมีการตอบสนองต่อตลาดที่ดีในระดับหนึ่งโดยมียอดขายใหม่ปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 1 เท่าตัว โดยเฉพาะโครงการเปิดใหม่

สำหรับบ้านจัดสรรที่เหลือขายในภาพรวม EEC พบว่า ยอดขายได้ใหม่ในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 มีจำนวนหน่วยลดลงในประเภท โดย ทาวน์เฮ้าส์ มียอดขายได้ใหม่ในไตรมาสนี้ที่ลดลงถึง 28.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเป็นการลดต่อเนื่องกันมา 5 ไตรมาส

ขณะที่ บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด มียอดขายได้ใหม่ในไตรมาสนี้ลดลง 9.1% และ 5.4% และเป็นไตรมาสที่มีจำนวนหน่วยขายที่อยู่ในระดับที่ต่ำพอสมควร แต่ด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่ที่น้อยกว่าหน่วยที่ขายได้ใหม่ ทำให้หน่วยที่เหลือขายสะสมของตลาดบ้านจัดสรรมีทิศทางที่ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo