Economics

การเมืองวุ่นวาย! ฉุดดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ค. หดตัวต่อเนื่อง ต่ำสุดรอบ 7 เดือน

ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤษภาคม 2567 หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน เหตุหวั่นการเมืองไทยเริ่มขาดเสถียรภาพ

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษา ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนพฤษภาคม 2567 ปรับตัวลดลงจากระดับ 62.1 เป็น 60.5 เป็นการปรับตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566

ดัชนีเชื่อมั่น 1366701

ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ ระดับ 54.3 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม อยู่ที่ 57.6 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 69.8 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ในรอบ 10 เดือน ทุกรายการ

ทั้งนี้ เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มกลับมากังวลว่าการเมืองไทยเริ่มขาดเสถียรภาพหลังจากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของ 40 สว. เกี่ยวกับคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี และกังวลเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงและฟื้นตัวช้า ประกอบกับราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะน้ำมันเบนซิน และผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามในตะวันออกกลางที่อาจยืดเยื้อบานปลาย อาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวล่าช้าของเศรษฐกิจไทย

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการ มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ในการสร้างความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศไทย โดยมีแนวทางการดูแลค่าแรงของประชาชนให้เหมาะสมกับค่าครองชีพ และไม่ส่งผลกระทบกับการดำเนินงานในภาคธุรกิจขนานเล็ก มาตรการกำกับจัดสรรแก้ไขปัญหาน้ำที่เกิดจากสภาพอากาศที่แปรปรวน และส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำในภาคเกษตร-อุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ แนวทางการสนับสนุนให้มีการลงทุนภายในประเทศกับนักลงทุนชาวต่างชาติเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นตัวขึ้น มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วง Low Season เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่คึกคักขึ้น การรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย
นายธนวรรธน์ พลวิชัย

อย่างไรก็ตาม คาดว่าเศรษฐกิจไทยแม้จะมีปัจจัยบวกดีอยู่บ้าง แต่เนื่องจากปัญหาด้านการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม ทำให้เกิดความกังวลที่ผลจะออกมาว่าเกิดความวุ่นวายหลังมีคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญของนายกรัฐมนตรีและพรรคก้าวไกลที่จะออกมาในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน พฤษภาคมออกมาเริ่มลดลงต่อเนื่องติดต่อกัน 3 เดือน

ดังนั้น ไม่ว่าความกังวลใจในหลายเรื่องที่ยังมีอยู่ แต่หากภาครัฐเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ให้เต็มที่ใน 4 เดือนที่เหลือ รวมถึงในงบปี 2568 ที่จะเริ่ม 1 ตุลาคม 2567 ได้อย่างเต็มที่ คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโต 2.6% แต่หากดิจิทัลวอลเล็ตออกมาใชัจริงมีเม็ดเงินเข้าระบบ 5 แสนล้านบาทในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ได้น่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตได้ 3-3.2 % ได้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK