นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ กพช. สั่งเร่งเปิดซื้อ-ขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนโดยตรง ภายในปี 2567 ดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ ที่ต้องการใช้พลังงานสะอาด
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 1/2567 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
เร่งเปิดซื้อ-ขายไฟฟ้าสะอาดภายในปีนี้ ดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ
เรื่องสำคัญของที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติวันนี้ คือ การเร่งรัดจะทำให้การเปิดการซื้อขายไฟฟ้าสะอาด ในรูปแบบ Direct PPA ให้ได้ภายในปีนี้ เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งมีความต้องการที่จะใช้ไฟฟ้าสะอาด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการให้มาลงทุน เช่น Data Center, Advanced Electronics และ Battery โดยเป้าหมายนำร่องกำหนดไว้ที่ 2,000 เมกะวัตต์ โดยให้กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และ BOI ทำงานร่วมกัน ในรายละเอียด หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการดำเนินการ โดยให้คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้ใช้ไฟฟ้า ทั้งภาคครัวเรือน และภาคอุตสาหกรรมด้วยครับ
ในขณะที่กลุ่มประเทศอาเซียน เช่น มาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปินส์ ต่างก็เปิดรับที่จะดำเนินการเรื่องนี้ หากเราดำเนินการล่าช้า ก็ไม่ต่างจากการถอยหลังเพราะทุกประเทศเดินหน้าไปหมดแล้ว ไฟฟ้าสะอาด คือ ความได้เปรียบทางการแข่งขันที่สำคัญมาก ๆ และ Direct PPA จะเป็นตัวปลดล็อกให้ไทยสามารถใช้ศักยภาพพลังงานสีเขียวที่เรามีอยู่แล้วได้อย่างเต็มที่
นำร่องซื้อขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ PPA
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯ ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนเรื่องพลังงานสะอาดของประเทศไทยตามนโยบายรัฐบาล เพื่อรองรับและดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้มากขึ้น โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับ Data Center ที่มีความต้องการพลังงานไฟฟ้าสะอาดอย่างสูง
นายกฯ ขอให้ที่ประชุมนำเรื่องแนวทางการดำเนินการโครงการนำร่องการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA) ผ่านการขอใช้บริการระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (Third Party Access: TPA) หารือต่อที่ประชุมเป็นประเด็นแรกเพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน เพื่อให้สามารถเปิดการซื้อขายไฟฟ้า Direct PPA ให้ได้ภายในปีนี้
สำหรับที่ประชุม ได้มีการพิจารณาแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และความต้องการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน หรือไฟฟ้าสีเขียว ซึ่งเป็นไฟฟ้าสะอาดที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบแนวทางการดำเนินการโครงการนำร่อง การซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA) ผ่านการขอใช้บริการระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (Third Party Access: TPA) ให้แก่บริษัทชั้นนำของโลกที่รัฐบาลได้เชิญชวนไว้และสนใจเข้ามาลงทุน
โดยเฉพาะในด้าน Data Center ที่มีความต้องใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนตามข้อกำหนดจากบริษัทแม่ โดยเห็นชอบกรอบการดำเนินการในปริมาณไม่เกิน 2,000 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทที่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ต้องมีลักษณะเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ มีการดำเนินการที่เท่าเทียมกันในทุกประเทศที่ไปลงทุน และไม่มีการขายไฟฟ้ากลับเข้าสู่ระบบไฟฟ้าของประเทศ
ให้กกพ. จัดทำอัตราค่าบริการ TPA ให้แล้วเสร็จภายในปี 2567
โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงาน (พน.) และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ศึกษาผลกระทบจากการดำเนินการโครงการนำร่อง Direct PPA ผ่านการขอใช้บริการ TPA ต่อสถานภาพของการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง และผู้ใช้ไฟฟ้าทั้งภาคประชาชนและภาคอุตสาหกรรม
พร้อมทั้งมอบหมายให้ กกพ. จัดทำอัตราค่าบริการ TPA ให้แล้วเสร็จภายในปี 2567 โดยให้ครอบคลุมค่าบริการต่างๆ เช่น
- ค่าบริการระบบส่งและระบบจำหน่ายไฟฟ้า (Wheeling Charge)
- ค่าบริการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้า (Connection Charge)
- ค่าบริการความมั่นคงระบบไฟฟ้า (System Security Charge หรือ Ancillary Services Charge)
- ค่าบริการหรือค่าปรับในการปรับสมดุลหรือบริหารปริมาณไฟฟ้า (Imbalance Charge)
- ค่าใช้จ่ายเชิงนโยบาย (Policy Expenses) และค่าบริการหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อผู้ใช้ไฟฟ้าในภาพรวมทั้งประเทศ และสอดรับกับข้อเสนออัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียว (Utility Green Tariff: UGT) ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ
ที่ประชุมฯ ได้เห็นชอบข้อเสนอการรับซื้อไฟฟ้ากรณีการต่ออายุสัญญาโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่เปลี่ยนรูปแบบจาก Adder เป็น Feed-in Tariff (FiT) ตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2559 ในอัตราคงที่ 2.28 บาทต่อหน่วย ตามระยะเวลาที่โครงการปรับลดจากการเปลี่ยนจากรูปแบบ Adder เป็น FiT เป็นระยะเวลา 27-56 เดือน
ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ภาครัฐพิจารณาให้ต่ออายุสัญญา จะสามารถผลิตไฟฟ้าขายเข้าระบบเพิ่มได้โดยไม่ต้องมีการลงทุนเครื่องจักรใหม่ เนื่องจากโครงการดังกล่าวได้มีการผลิตไฟฟ้าขายเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) มาแล้ว แต่ยังไม่ครบอายุโครงการ (20 ปี) ตามอายุมาตรฐานของเครื่องจักร/โรงไฟฟ้า จึงอาจทำให้เครื่องจักรและโรงไฟฟ้ายังอยู่ในสภาพที่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งหากมีการต่ออายุสัญญาออกไป โรงไฟฟ้าดังกล่าวจะไม่มีความเสี่ยงเรื่องการเงินและการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากได้รับการคืนทุนเงินลงทุนโครงการและได้รับผลตอบแทนจากการขายไฟฟ้าตามมาตรการรับซื้อไฟฟ้า FiT ตามที่กำหนดแล้ว ทำให้ภาครัฐสามารถที่จะพิจารณาอัตรารับซื้อไฟฟ้าที่เหมาะสมที่ทำให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการได้ และไม่กระทบต่อค่าไฟฟ้าโดยรวมของประเทศ
ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบให้กรรมสิทธิ์ในใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC) หรือคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) ที่เกิดขึ้นจากการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่เปลี่ยนรูปแบบจาก Adder เป็น FiT ที่ได้รับการต่ออายุสัญญา เป็นกรรมสิทธิ์ของการไฟฟ้าในฐานะผู้รับซื้อ หรือภาครัฐ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- นายกฯ สั่ง ททท. ทำแพ็กเกจท่องเที่ยว ตอบโจทย์ของแต่ละกลุ่ม ดึงนักท่องเที่ยวโลว์ซีซั่น
- ต่างชาติเที่ยวฉ่ำ! 9 เดือน อุทยานแห่งชาติเก็บค่าธรรมเนียม 1,785 ล้านบาท แซงทะลุรายได้ทั้งปี 2566
- นายกฯ ปลื้ม กรุงเทพคว้าที่ 1 เมืองที่ดีที่สุดในเอเชียแปซิฟิก พร้อมยกระดับท่องเที่ยวต่อเนื่อง
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- Twitter: https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg