Economics

ครม. ไฟเขียวยกเลิก Duty Free ขาเข้า 8 สนามบิน หวังเพิ่มยอดใช้จ่ายในไทย

ครม. ไฟเขียวยกเลิก Duty Free ขาเข้า 8 สนามบิน หวังกระตุ้นยอดใช้จ่ายในประเทศ หลัง “กรมศุลกากร” สูญรายได้มากกว่า 3 พันล้านบาท

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.สัญจร วันนี้ (2 ก.ค.) มีมติรับทราบแนวทางการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ ดังนี้

ยกเลิก Duty Free

  1. แนวทางการหยุดการดำเนินการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรด้านคลังสินค้าทัณฑ์บนเพื่อขาย สำหรับร้านค้าปลอดอากรขาเข้า (ร้าน Duty Free ขาเข้า) ของผู้ประกอบการ
  2. ผลประโยชน์ และผลกระทบ ของการหยุดการดำเนินการร้าน Duty Free ขาเข้า ที่กระทรวงการคลังได้ศึกษาไว้ในเบื้องต้น

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะติดตามและประเมินผลของการหยุดการดำเนินการร้าน Duty Free ขาเข้า อย่างใกล้ชิดต่อไป

นางรัดเกล้า กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ครม.เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 เห็นชอบในหลักการการดำเนินมาตรการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย (มาตรการฯ) และมอบหมายให้มีการดำเนินการศึกษารายละเอียด ทั้งผลประโยชน์ และผลกระทบ ในมิติของเศรษฐกิจ การคลัง และสังคม รวมทั้งข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ซึ่งรวมถึงการพิจารณาความเหมาะสมในการยกเลิกการอนุญาตให้จัดตั้งร้าน Duty Free ขาเข้า รวมถึงการยกเว้นอากรของที่ซื้อจากร้าน Duty Free สำหรับผู้โดยสารขาเข้า เพื่อส่งเสริมการบริโภคและการใช้สินค้าภายในประเทศ โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลัง ไปพิจารณาความเหมาะสมในการดำเนินมาตรการดังกล่าว

ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ได้ศึกษาผลประโยชน์และผลกระทบของการหยุดดำเนินการร้าน Duty Free ขาเข้า โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  1. ผลต่อการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ: นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยในประเทศมากขึ้น และมีการกระจายการใช้จ่าย และการบริโภคสินค้าและบริการภายในประเทศอย่างกว้างขวาง โดยหากมีการหยุดการดำเนินการจำหน่ายสินค้าในร้านค้าปลอดอากรขาเข้า 1 ปี คาดว่าจะส่งผลให้ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวต่อคนต่อทริปเพิ่มขึ้นประมาณ 570 บาท
  2. ผลต่อการใช้จ่ายของผู้เดินทางชาวไทย: ผู้เดินทางชาวไทย อาจจะเลือกใช้จ่ายซื้อสินค้าปลอดอากรจากประเทศต้นทาง เพื่อทดแทนหรือใช้จ่ายซื้อสินค้าประเภทเดียวกันในประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยขึ้นกับปัจจัยในการตัดสินใจที่แตกต่างกัน
  3. ผลต่อผู้ประกอบการภายในประเทศ: ผู้ประกอบการร้าน Duty Free จะสูญเสียรายได้อากรขาเข้าส่วนของการจำหน่ายสินค้าในร้าน Duty Free ขาเข้า อย่างไรก็ดี หากมีการหยุดการดำเนินการจำหน่ายสินค้าในร้าน Duty Free ขาเข้าเป็นระยะเวลา 1 ปี คาดว่าจะส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านค้าและผู้เกี่ยวข้องในภาคการท่องเที่ยว ตลอดจนร้านค้าทั่วไป เสมือนได้รับเม็ดเงินหมุนเวียนใหม่เพิ่มเติมสูงสุด 3,460 ล้านบาทต่อปี เป็นการสร้างโอกาส และส่งผลเชิงบวกต่อการผลิต การลงทุน และการจ้างงานได้ต่อไป
  4. ผลต่อรายได้ของภาครัฐ : เม็ดเงินหมุนเวียนมีการกระจายสู่ผู้ประกอบการร้านค้าในวงกว้างเพิ่มมากขึ้น และส่งผลให้เกิดการขยายฐานการจัดเก็บภาษีของภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม
  5. ผลต่อเศรษฐกิจในภาพรวม: กรณีที่มีการหยุดดำเนินการร้าน Duty Free ขาเข้าเป็นระยะเวลา 1 ปี คาดว่าจะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ขยายตัวได้เพิ่มขึ้น 0.012% ต่อปี

ยกเลิก Duty Free

ปัจจุบันมีนิติบุคคล 3 ราย ที่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งร้าน Duty Free ขาเข้า ที่ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ผู้โดยสารขาเข้า ของท่าอากาศยานนานาชาติ 8 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ 1) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 2) ท่าอากาศยานดอนเมือง 3) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ 4) ท่าอากาศยานภูเก็ต 5) ท่าอากาศยานหาดใหญ่ 6) ท่าอากาศยานอู่ตะเภา 7) ท่าอากาศยานสมุย และ 8) ท่าอากาศยานกระบี่

โดยจากสถิติของกรมศุลกากรในปี 2566 มียอดจำหน่ายสินค้าปลอดอากรในร้าน Duty Free ขาเข้า รวมทั้งสิ้น 3,021.75 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการร้านค้าปลอดอากรทั้ง 3 ราย ได้มีหนังสือถึงอธิบดีกรมศุลกากรโดยยินดีที่จะหยุดการดำเนินการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรด้านคลังสินค้าทัณฑ์บนเพื่อขายสำหรับร้าน Duty Free ขาเข้า ตามนโยบายของรัฐบาล จนกว่ารัฐบาลจะมีการยกเลิกนโยบายดังกล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK