Marketing Trends

เปิดพฤติกรรมช้อปปิ้งคนไทยปี 67 กังวลค่าสาธารณูปโภค-อาหารพุ่งสูงขึ้น

NIQ เผยแนวโน้มพฤติกรรมช้อปปิ้งคนไทยปี 2567 ค่าสาธารณูปโภคและค่าอาหารที่พุ่งสูงขึ้นชี้เป็นข้อกังวลอันดับต้น ๆ การลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและการใช้ส่วนลด คือกลยุทธ์สำคัญของธุรกิจ

NIQ บริษัทวิจัยผู้บริโภคชั้นนำของโลกด้านข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค เปิดเผยถึงข้อมูลจากรายงาน Thai Shopper Trends 2567 ในงานเว็บสัมมนา Consumer Revolution: Understanding Shoppers Today and Tomorrow ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ท้าทาย ผู้ชื้อชาวไทยมีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับค่าสาธารณูปโภคและค่าอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น

พฤติกรรมช้อปปิ้ง

ขณะที่แรงกดดันทางเศรษฐกิจกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยหลายคนวางแผนที่จะลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และปรับเปลี่ยนนิสัยการซื้อ เพื่อรับมือกับความตึงเครียดทางการเงิน

นอกจากนี้ ยังพบว่า สถานะทางการเงินของผู้ซื้อชาวไทยลดลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงปีที่ผ่านมา ในเดือนมกราคม 2567 จำนวน 48% ของนักช้อปรายงานว่าสถานะทางการเงินของตนนั้นแย่ลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2566 ซึ่งตัวเลขอยู่ที่ 39% สถานะทางการเงินที่ลดลงนี้ส่วนใหญ่เกิดจากค่าต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ส่งผลให้งบประมาณครัวเรือนทั่วประเทศตึงตัว

ผลกระทบทางเศรษฐกิจ

ความกังวลของผู้บริโภค

ต้นทุนที่สูงขึ้นเป็นกังวลอันดับต้นๆ ของผู้บริโภค โดยต้นทุนของอาหารได้พุ่งสูงขึ้นจาก 27% ในเดือนกรกฎาคม 2566 เป็น 30% ในเดือนมกราคม 2567 นอกจากนี้ ผู้ซื้อยังต้องรับมือกับความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและผลกระทบของภาวะโลกร้อนด้วย เพื่อจัดการกับการเพิ่มขึ้นของต้นทุนเหล่านี้ ผู้ซื้อหลายคนจึงวางแผนซื้อสินค้าในช่วงลดราคาและช่วงที่มีการจัดโปรโมชันพิเศษเพื่อช่วยลดการใช้จ่าย

เผยกลยุทธ์กลุ่มผู้ซื้อสู้ต้นทุนพุ่ง

  • การลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและลดการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย

ผู้ซื้อหลายคนให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายสินค้าที่จำเป็นมากขึ้น โดยตัดการซื้อของที่ไม่จำเป็นออกไปเพื่อจัดการกับงบประมาณให้ดีขึ้น ผู้ซื้อชาวไทยให้ความสำคัญกับสิ่งที่พวกเขาต้องการมากกว่าสิ่งที่อยากได้

  • การลดปริมาณการซื้อ

ผู้ซื้อจะลดปริมาณสินค้าที่ซื้อ โดยเน้นที่การซื้อเฉพาะสิ่งที่จำเป็นหรือสต็อกสินค้าที่จำเป็น

  • การซื้อของในช่วงลดราคา

ผู้ซื้อนิยมซื้อสินค้าในช่วงลดราคา เช่น ช่วงวันหยุดหรือช่วงโปรโมชั่นลดราคาสองหลัก เนื่องจากต้องการแสวงหาการลดราคาและข้อเสนอพิเศษเพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถใช้จ่ายในงบประมาณเพิ่มมากขึ้น
แนวโน้มของผู้บริโภค

ความกังวลด้านการเงินส่งผลต่อพฤติกรรมการซื้อ 

  • เน้นที่คุณภาพของสินค้า

จำนวนผู้ซื้อเพิ่มมากขึ้นถึง 90% ในปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก 82% ในปี 2565 โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าราคา

คุณภาาพสินค้า

  • ความพึงพอใจที่จะใช้จ่ายเงินมากขึ้นเพื่อความสะดวกสบาย

ความพึงพอใจที่จะจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อประหยัดเวลา เพิ่มขึ้นเป็น 78% ในปี 2567 จาก 70% ในปี 2565 ซึ่งอาจเกิดจากปริมาณงานที่มากขึ้นและระยะเวลาเดินทางที่นานขึ้น เป็นนัยยะว่าผู้ซื้อชาวไทยให้ความสำคัญต่อเวลาของพวกเขามากขึ้นด้วย

  • การใช้ส่วนลด

ผู้ซื้อชาวไทยหันมาแสวงหาส่วนลดพิเศษกันมากขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการใช้จ่ายเชิงกลยุทธ์ท่ามกลางแรงกดดันทางการเงิน

  • ความเปิดกว้างต่อผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ

ผู้ซื้อประมาณ 89% ยินดีที่จะลองผลิตภัณฑ์และแบรนด์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นจาก 79% ในปี  2562 ซึ่งบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่การสำรวจทางเลือกที่คุ้มต้นทุน

แบรนด์ใหม่

  • สินค้าที่มีอิทธิพลของร้านค้า

เมื่อเป็นเรื่องของตัวเลือกของร้านค้าสำหรับผู้ชื้อชาวไทย มีสินค้า 3 หมวดหมู่หลักที่ร้านค้าต้องคำนึงถึงและมีขาย เพื่อตอบสนองความต้องการในชีวิตประจำวันของนักซื้อชาวไทย ได้แก่ แชมพูและครีมนวดผม, ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่ม และอาหาร เช่น ข้าว แป้ง พาสต้า น้ำมันปรุงอาหาร และเครื่องปรุงรสอาหาร

ผลกระทบต่อธุรกิจ

ธุรกิจ โดยเฉพาะในภาค FMCG จะต้องปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมช้อปปิ้งของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปเหล่านี้ ความภักดีต่อแบรนด์นั้นมีแนวโน้มลดลงอย่างมาก โดยมีเพียง 19% ของผู้ซื้อในปี 2566 ที่แสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะซื้อสินค้าเดิม ๆ เมื่อเทียบกับตัวเลขที่สูงกว่าในปีที่ผ่านมา เนื่องจากความตึงเครียดทางการเงินไม่ใช่ปัญหาที่ต้องกังวลในเวลานั้น

ดังนั้น เพื่อสนับสนุนผู้ซื้อ ธุรกิจควรพิจารณาเสนอส่วนลดและตัวเลือกในการซื้อจำนวนมากมากขึ้น และต้องเน้นย้ำถึงคุณค่าและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ เพื่อรักษาและดึงดูดลูกค้า

นอกจากนี้ ธุรกิจควรใช้กลยุทธ์การขายออนไลน์มากขึ้นเพื่อลดต้นทุนหน้าร้านและเพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น ให้กับผู้ซื้อที่มองหาข้อเสนอพิเศษทางช่องทางออนไลน์

สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจในปัจจุบันกำลังเปลี่ยนแปลงทัศนคติและพฤติกรรมของผู้บริโภคในประเทศไทย ธุรกิจต่าง ๆ ต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ และปรับกลยุทธ์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

การคำนึงถึงความสามารถในการซื้อ คุณภาพ และการลดราคาเชิงกลยุทธ์จะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถสนับสนุนผู้ซื้อได้ดีขึ้นในช่วงเวลาที่ท้าทายเหล่านี้และสามารถรับประกันถึงการมีส่วนร่วมของผู้ซื้ออย่างต่อเนื่อง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg

Avatar photo