finbiz by ttb ส่องโอกาสของอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ รับอานิสงส์สังคมสูงวัย คนดูแลสุขภาพเพิ่ม ดันแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ท่ามกลางความท้าทายจากปัจจัยเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง 2567
เศรษฐกิจโลกชะลอตัวและเศรษฐกิจไทยเติบโตช้า ถือเป็นปัจจัยที่ท้าทายต่อการเติบโตของทุกอุตสาหกรรม โดยเศรษฐกิจโลกปี 2567 ถือเป็นปีที่ยาก ขณะที่ IMF ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวประมาณ 3.2%
ขณะที่ความท้าทายยังคงมีอยู่ จากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ที่ทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ต้นทุนการค้าโลกจึงพุ่งสูงเป็นเงาตามตัว แม้เงินเฟ้อจะมีแนวโน้มที่ดี แต่ดอกเบี้ยนโยบายยังคงอยู่ในระดับสูง และยังเจอกับปัญหาจีนระบายสินค้ากระจายไปทั่วโลก ทำให้เอสเอ็มอีในแต่ละประเทศอยู่ยากมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังมี โอกาส อยู่เสมอ finbiz by ttb จึงขอเสนอข้อมูลด้านเศรษฐกิจ และโอกาสสำหรับอุตสาหกรรมด้านสุขภาพ หรือ เฮลท์แคร์ ซึ่งเป็นเทรนด์เฉพาะทาง ที่กำลังมาแรง และสามารถเติบโตได้ดีในขณะนี้
เศรษฐกิจไทยปี 2567 มีแนวโน้มฟื้นตัว โดยคาดว่าเติบโตได้ประมาณ 2.6% แต่กำลังซื้อภายในประเทศจะชะลอลง โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง จากปัญหาหนี้ครัวเรือนเรื้อรังและดอกเบี้ยสูง การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐล่าช้า ทำให้เศรษฐกิจภูมิภาคไปต่อได้ยาก
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกอยู่ที่การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยโดยรวมเติบโตช้าและต่ำกว่าศักยภาพ แต่ผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ และประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับธุรกิจเฮลท์แคร์
อุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ เติบโตดีสวนกระแสเศรษฐกิจ
ในปี 2567 คาดว่าตลาดบริการทางการแพทย์เอกชนจะมีรายได้เติบโต 4.4 แสนล้านบาท โดยรายได้ 72% ของตลาดมาจากโรงพยาบาลเอกชน และส่วนใหญ่ยังคงกระจุกอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ในสัดส่วน 75% รองลงมาเป็นภาคตะวันออก 8%
กลุ่มเป้าหมายสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดบริการทางการแพทย์ไทย คือ นักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาประเทศไทยประมาณ 33 ล้านคนในปีนี้ โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางมีสัดส่วนรายจ่ายการแพทย์ที่สูง อีกกลุ่มคือ แรงงานต่างด้าวถูกกฎหมาย จำนวน 2.6 ล้านคน ซึ่งมีประกันตนในสัดส่วน 40%
สำหรับเทรนด์ธุรกิจที่น่าจับตามีอยู่ 3 กลุ่ม คือ โรงพยาบาลเฉพาะทาง คลินิกเฉพาะทาง และห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ เนื่องจากมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะส่งผลให้คลินิกและโรงพยาบาลเอกชนทั่วไปจะอยู่ยากขึ้น
ทั้งนี้ หากโฟกัสที่โครงสร้างประชากรไทยช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป ปัจจุบันมีจำนวน 32 ล้านคน แต่ในปี 2574 คาดว่ากลุ่มวัยนี้จะเพิ่มจำนวนเป็น 37 ล้านคน ซึ่งจะเป็นปัจจัยส่งเสริมให้กลุ่มธุรกิจกายภาพบำบัดเติบโต เพราะได้รับแรงหนุนจากโรคเรื้อรังที่ต้องอาศัยการรักษาอย่างต่อเนื่อง เช่น โรคออฟฟิศซินโดรม
เฮลท์แคร์ จึงเป็นเทรนด์เฉพาะทาง ที่กำลังมาแรง ธุรกิจการแพทย์เฉพาะทางจะกินส่วนแบ่งตลาดมากขึ้น โดยเติบโตได้ดีกว่า 15% ต่อปี หากเทียบกับในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ เมื่อเทียบรายได้ระหว่างโรงพยาบาลเอกชนที่เน้นลูกค้าต่างชาติ กับเน้นกลุ่มคนไทยแล้ว พบว่าช่องว่างของรายได้จะห่างกันเรื่อย ๆ อย่างเห็นได้ชัด จึงเป็นโอกาสของธุรกิจที่มีกลุ่มลูกค้าเป็นชาวต่างชาติ
ท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ โมเดลธุรกิจที่จะได้ไปต่อในอนาคต
แม้กลุ่ม Hospitality จะเป็นจุดแข็งของประเทศไทย แต่ในเมื่อการขยายตลาดในประเทศมีข้อจำกัด ทำให้ H2H Model หรือ Hospitality to HealthCare กลายเป็นโมเดลธุรกิจที่น่าสนใจ โดยควรเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าต่างชาติมากขึ้น และผูกอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ไปกับการท่องเที่ยว ในนามของ การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) ซึ่งผู้ประกอบการสามารถนำไปปรับใช้ได้ ดังนี้
- โฟกัสคุณภาพของนักท่องเที่ยวมากกว่าจำนวน โดยเน้นไปที่กลุ่มต่างชาติเกษียณอายุ และกลุ่มคนทำงาน Digital Nomad (อาชีพยุคใหม่สำหรับคน Work From Anywhere) ประมาณการรายจ่ายต่อหัวอยู่ที่ 8 หมื่น-1.2 แสนบาทต่อทริป
- ออกแบบ Customer Journey และวางแผน Medical Tourism Supply Chain อย่างรอบด้าน เช่น ส่งต่อข้อมูลของเราให้กับบริษัททัวร์, แอปพลิเคชัน หรือ Medical Agent จัดเตรียมการเดินทางและการส่งต่อผู้ป่วยระหว่างประเทศ ในขณะที่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลหรือคลินิกเฉพาะทาง ต้องจัดเตรียมที่พักและโปรแกรมการท่องเที่ยวรองรับญาติผู้ป่วยที่เดินทางมาด้วยกัน
ดังนั้น เมื่อมองไปข้างหน้า การวางโมเดลธุรกิจในอนาคตจะเป็นไปในรูปแบบ Subscription คือระบบสร้างรายได้หมุนเวียนเพื่อสร้างกลุ่มลูกค้ารายได้ประจำให้กับธุรกิจ โดยสร้างความต้องการใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มความถี่ในการเข้ารับบริการ เช่น Tele-Medicine บริการการแพทย์ทางไกล รวมทั้งศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นอีกแนวทางที่สามารถสร้างรายได้หมุนเวียนให้กับธุรกิจในระยะยาว
นอกจากนี้ ด้วยระบบดูแลสุขภาพของไทยติดอันดับ Top 5 ของโลก และมีต้นทุนค่ารักษาพยาบาลที่สามารถแข่งขันได้ อีกทั้งโรงพยาบาลไทยยังมีมาตรฐานระดับโลก บุคลากรทางการแพทย์ที่เก่งและมีการบริการที่ดี จึงมั่นใจได้ว่าประเทศไทยมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะเป็น Medical Hub ได้อย่างแน่นอน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- หนุน ‘โคราช’ เป็น ‘มหานครสุขภาพ’ พัฒนาศูนย์เวลเนส–ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ดึงนักท่องเที่ยว
- คนทำงานต้องระวัง! 7 โรคฮิต มีผลต่อสุขภาพระยะยาว
- ‘MAX GRAINTA’นมถั่วทางเลือกเพื่อสุขภาพ สร้างโอกาสเรียนรู้ลูกค้าจากงาน ‘THAIFEX-ANUGA ASIA 2024’
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์ : https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yx