COLUMNISTS

ส่องธุรกิจโรงแรม ทุนไทยออกไปซื้อ หรือลงทุนในต่างประเทศ (ตอน 1)

Avatar photo
กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด (Property DNA)

ปี 2566 ธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทยเริ่มฟื้นตัว นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศไทยมากขึ้น และมีผลต่อเนื่องทำให้ธุรกิจโรงแรมที่พักในภูมิภาคต่าง ๆ ในประเทศไทยรวมไปถึงในกรุงเทพมหานครมีรายได้เข้ามามากขึ้นแบบชัดเจน

เจ้าของกิจการ หรือเจ้าของธุรกิจโรงแรมที่พักประเภทต่าง ๆ ที่อยู่ในประเทศไทยพอมีเงินหมุนเวียนและเดินหน้าดำเนินธุรกิจอีกครั้ง ซึ่งแตกต่างจากช่วงปีv256432565 ที่มีเจ้าของกิจการหรือธุรกิจโรงแรมที่พักจำนวนมากในประเทศไทยที่ไปต่อไม่ได้ เพราะการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศหยุดชะงักเกือบ 100%

ธุรกิจโรงแรม

ที่สำคัญคือ รายได้ต่าง ๆ ที่เคยได้หายไปทันที แต่รายจ่ายต่าง ๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการผ่อนชำระสินเชื่อธนาคารยังคงมีอยู่ แม้ว่าจะมีการเจรจาหรือขอประนอมหนี้สิน แต่ก็ยังมีผู้ประกอบการหลายรายที่ส่งสัญญาณชัดเจนว่าไม่สามารถผ่อนชำระหนี้สินได้แน่นอน

ในช่วง 2 ปีนั้นจึงเห็นการประกาศขายโรงแรมที่พักจำนวนมากทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ เพราะทุกประเทศในโลกล้วนเจอปัญหาเดียวกับในประเทศไทย

ปี 2565 หลังจากที่ธุรกิจการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว เพราะการเดินทางระหว่างประเทศเปิดกว้างมากขึ้น เริ่มมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น โรงแรมที่พักที่เคยปิดกิจการไปชั่วคราว หรือเคยประกาศขายเริ่มกลับมาฟื้นฟูกิจการ เปิดให้บริการอีกครั้ง

สุรเชษฐ กองชีพ
สุรเชษฐ กองชีพ

เจ้าของหรือผู้ประกอบการรายใดที่มีกำลังเงินทุน หรือสามารถหาสินเชื่อจากแหล่งทุนต่าง ๆ ได้ ก็จะรีบดำเนินการ อีกทั้งเปิดการเจรจากับสถาบันการเงินอีกครั้งเพื่อให้กิจการหรือธุรกิจของตนเองดำเนินกิจการสร้างรายได้ ได้อีกครั้ง

ผู้ประกอบการโรงแรมหรือที่พักประเภทต่าง ๆ ที่ดำเนินกิจการมานานกว่า 10 ปีหรือเป็นเครือข่าย หรือว่าบริษัทขนาดใหญ่ ล้วนสามารถกลับมาเปิดกิจการได้อีกครั้ง อาจจะมีโรงแรมที่พักที่เจ้าของกิจการบางกลุ่มไม่ต้องการดำเนินกิจการต่อไปแล้ว แต่ไม่ใช่เพราะเรื่องของหนี้สิน แต่อาจจะเป็นเพราะว่าคนรุ่นต่อมา ไม่ต้องการดำเนินธุรกิจนี้ต่อไป และเมื่อมีปัญหาเรื่องของหนี้สินที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงโควิด-19 ทำให้ตัดสินใจปิดกิจการแล้วขายทันที

ส่วนอีกกลุ่ม คือ โรงแรมที่พักที่เพิ่งเปิดให้บริการในช่วงก่อนปี 2563 ไม่กี่ปีแล้วยังอยู่ในช่วงการผ่อนชำระกับทางสถาบันการเงิน ก็มีความเป็นไปได้ที่จะไม่ดำเนินกิจการต่อไป เพราะไม่มีเงินทุนหมุนเวียนที่มากพอใช้เงินจากสถาบันการเงินในช่วงของการลงทุน และดำเนินกิจการในช่วงแรก แต่ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมที่พักขนาดไม่ใหญ่มาก จำนวนห้องพักไม่มากนัก ซึ่งเป็นอีกกลุ่มที่อาจจะมีการปิดกิจการแบบถาวรและประกาศขาย แต่ด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่มาก จึงอาจจะไม่เป็นข่าวมากนัก

shutterstock 2449678133

ช่วงปี 2565-2566 อาจะมีการซื้อขายโรงแรมกันในประเทศไทยอยู่จำนวนหนึ่งมูลค่ารวมในปี 2564 อยู่ที่ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท และปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท จากนั้นปี 2566 มีความเป็นไปได้ที่จะปิดการขายกันประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท

ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีทั้งนักลงทุนในประเทศไทย เช่น แอสเสทเวิรด์ที่ซื้อโรงแรมในประเทศไทย และนักลงทุน บริษัทต่างชาติที่เข้ามาซื้อโรงแรมในประเทศไทย เพราะธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทยมีทิศทางที่น่าสนใจ แม้ว่าจะเจอวิกฤตหรือปัญหาอะไรก็มักจะฟื้นตัวเร็วเสมอ

แต่ช่วงที่ผ่านมา มีอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ และอาจจะไม่ค่อยมีคนให้ความสำคัญ คือ การที่ผู้ประกอบการหรือนักลงทุนจากประเทศไทย ออกไปซื้อหรือลงทุนในโรงแรม และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมที่พักในต่างประเทศ ซึ่งรวม ๆ แล้วมูลค่าในการลงทุนก็ไม่น้อยกว่ามูลค่าการขายโรงแรมในประเทศไทย

บทความโดย สุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด

(ติดตามต่อสัปดาห์หน้า)

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่