COLUMNISTS

เที่ยวไทยยุคดิจิทัล

Avatar photo
วีระพันธ์ โตมีบุญ อดีตบรรณาธิการข่าวหนังสือพิมพ์ บรรณาธิการข่าวเว็บไซต์ และคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
อดีตบรรณาธิการข่าวหนังสือพิมพ์ บรรณาธิการข่าวเว็บไซต์ และคอลัมนิสต์ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เที่ยวไทยยุคดิจิทัล

คงไม่ต้องเสียเวลาถกเถียงว่า เศรษฐกิจไทยเรียกวิกฤตได้ไหม เอาเป็นว่า รายได้ของประเทศที่พอจะคาดหวังได้ มีเฉพาะการท่องเที่ยวทางเดียว

ก็เลยต้องใส่ใจให้ความสำคัญเป็นพิเศษ อย่าให้มีเรื่องราว โรคร้ายใดๆมาเป็นอุปสรรค พร้อมกันก็ต้องดูแลเส้นทางรายได้สายนี้ให้ดี

เที่ยวไทย

ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นระบบหรือช่องทางหลักในการพัฒนา รักษาตลาด กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็ตื่นตัวตาม ให้ความสำคัญ ปีงบประมาณ 2567-2568 ตั้งไว้ 16,000-18,000 ล้านบาท แบ่งใช้กับการส่งเสริมการตลาดและการประชาสัมพันธ์ 3,000-2,000ล้านบาท

คลุมทั้งการจัดงานแสดงสินค้าและช่องทางการตลาดออนไลน์

แต่ส่วนใหญ่ระดับ10,000-12,000ล้านบาท อยู่กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบการขนส่ง การสื่อสาร สิ่งอำนวยความสะดวก

เที่ยวไทย

ภาคการท่องเที่ยว เป็นหมุดหมายที่ 2 ของยุทธศาสตร์ชาติ กำหนดให้ไทยเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวที่เน้นคุณภาพและความยั่งยืน เปลี่ยนการท่องเที่ยวไทย เป็นการท่องเที่ยวคุณภาพสูง เชื่อมโยงอุตสาหกรรมและบริการที่มีศักยภาพอื่น ด้วยเป้าหมาย นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติมีค่าใช้จ่ายต่อวันเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% ต่อปี มีระดับความพึงพอใจเพิ่มขึ้น 0.05 คะแนนต่อปี

วางแนวทางสนับสนุนให้มีผู้ประกอบการ และสตาร์ทอัพ ใช้แนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม เทคโนโลยี นวัตกรรมการพัฒนา สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการท่องเที่ยว ใช้ซอฟต์พาวเวอร์เป็นตัวขับเคลื่อน

ส่งเสริมการวิจัย พัฒนา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรมส่งเสริมบริการการตลาด และอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว

เที่ยวไทย

เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย จะปรับปรุงข้อกฎหมาย ลดขั้นตอนที่ล้าสมัยเป็นอุปสรรคกับธุรกิจ การขออนุญาตของสถานประกอบการ ให้ง่าย สะดวก สร้างแรงจูงใจ ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่พักแรมและอื่น ให้ครอบคลุมถึงรายย่อย พร้อมกันก็ปรับปรุงกฎหมายจูงใจให้สถานประกอบการใส่ใจรับผิดชอบสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

พวกกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อเทคโนโลยีการท่องเที่ยว โดยเฉพาะตัวแทนจำหน่ายการท่องเที่ยวออนไลน์ แพลตฟอร์มเศรษฐกิจแบ่งปัน ต้องหาวิธีทำให้ถูกกฎหมาย สะดวกปลอดภัยทั้งนักท่องเที่ยวและชุมชน พัฒนาให้ระบบอัจฉริยะทั้งหลายเข้าถึง ใช้ประโยชน์ได้ง่าย ทันสมัย น่าเชื่อถือ

จะเชื่อมโยงฐานข้อมูลภาครัฐและเอกชน โดยใช้แอปพลิเคชันที่เอกชนพัฒนา เช่น ”ทักทาย”ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)ในการเชื่อมต่อแพลตฟอร์มอื่นๆ เป็นการอำนวยความสะดวก เช่นเชื่อมโยงกับข้อมูลการตรวจลงตรา (วีซ่า) ตรวจคนเข้าเมือง การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม การแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉิน

เอาระบบบิ๊กดาต้า หรือฐานข้อมูลขนาดใหญ่มาใช้ให้เกิดประโยชน์จริงๆ

เที่ยวไทย

น่าเชื่อว่าการใส่ใจ ปรับปรุง เทคโนโลยีเหล่านี้ จะช่วยให้รักษา พัฒนา และขยายตลาดท่องเที่ยว ให้สมกับเป็นตัวหลักสร้างรายได้ให้ประเทศได้จริงๆ

แต่ว่าวันนี้ เราไม่ต้องถ่ายเอกสารบัตรประชาชนในการติดต่อราชการแล้ว..แน่นะ

DSC 4250

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่