COLUMNISTS

จับกระแสคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน

Avatar photo
กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด (Property DNA)

ส่องแนวโน้มการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ จุดขายตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ปัจจุบันนิยมเลี้ยงสัตว์เป็นเพื่อน หรือเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวมากขึ้น

ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงได้เห็น ได้ยินเรื่องของคอนโดมิเนียมที่เลี้ยงสุนัข หรือแมวได้มากขึ้น จริง ๆ แล้วไม่ได้เป็นเรื่องใหม่อะไรในตลาดคอนโดมิเนียม เพราะโครงการคอนโดมิเนียมที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้นั้นมีมานานแล้ว เพียงแต่จำนวนน้อยมาก และไม่ได้ถูกพูดถึงมากแบบปัจจุบัน

คอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์

อีกทั้งผู้ประกอบการที่พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม แล้วเปิดให้คนที่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมนั้น ๆ สามารถเลี้ยงสัตว์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นสุนัข และแมวได้ อาจจะไม่ได้มีโครงการรูปแบบนี้หลายโครงการ หรืออาจจะมีการแบ่งอาคารใดอาคารหนึ่งภายในโครงการเพื่อให้ผู้พักอาศัยภายในอาคารนั้น ๆ สามารถเลี้ยงสัตว์ได้

แต่ปัจจุบัน มีผู้ประกอบการบางราย เปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมโดยประกาศตั้งแต่ก่อนที่จะเปิดขายเลยว่า โครงการที่จะเปิดขายนี้สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ คนที่ต้องการคอนโดมิเนียมรูปแบบนี้ก็จะได้เลือกซื้อโครงการรูปแบบนี้ คนที่ไม่ต้องการเลี้ยงสัตว์ และอาจจะไม่ต้องการอยู่ร่วมกับชุมชนแบบนี้ ก็ต้องไปเลือกซื้อโครงการอื่น ๆ

โครงการในอดีตที่สามารถเลี้ยงสัตว์ อาจจะย้อนไปมากกว่า 10 ปี เพียงแต่ในอดีตอาจจะไม่มีมากนัก จำนวนยูนิตมีไม่กี่ร้อยยูนิตรวมกัน จำนวนโครงการก็ไม่เกิน 5 โครงการ อีกทั้งยังไม่ได้เป็นที่พูดถึง หรือถูกนำมาเป็น 1 ในปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อคอนโดมิเนียมแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งผู้ประกอบการบางรายมีการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ทั้งโครงการ ไม่มีการแบ่งโซนหรือแยกอาคารแต่อย่างใด เนื่องจากคนในสังคมปัจจุบันมีลูกกันน้อยลงหรือไม่มีลูกเลย อีกทั้งส่วนหนึ่งเลือกที่จะไม่แต่งงาน หรือเลือกที่จะเป็นโสด

กลุ่มคนที่อยู่ในทั้ง 3 กลุ่มดังกล่าวนั้น มีส่วนหนึ่งเลือกที่จะเลี้ยงสัตว์ซึ่งส่วนใหญ่ คือ สุนัข และแมวขนาดไม่ใหญ่มากเป็นเพื่อน หรือเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว มีการใช้จ่ายในส่วนนี้ค่อนข้างมากในแต่ละเดือน

shutterstock 1751617232

ผู้ประกอบการบางรายจึงเห็นโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อกลุ่มนี้ ที่อาจจะไม่มีกำลังมากพอที่จะซื้อบ้านพร้อมที่ดิน หรือออกไปอาศัยในพื้นที่ชานเมืองหรือปริมณฑล การพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้จึงเริ่มมีให้เห็นมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ผู้ประกอบการรายใหญ่รายแรก ๆ ที่เริ่มพัฒนาโครงการที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้มาเป็น 10 ปีแล้ว คือ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ซึ่งก่อนหน้านี้อาจจะเป็นโครงการขนาดเล็กหรือเป็นโครงการที่เป็นอาคาร 7-8 ชั้น แต่ช่วงหลังมีโครงการที่เป็นอาคารสูง

นอกจากนี้ โครงการของเมเจอร์ฯ ยังเป็นโครงการที่อยู่ในเมืองชั้นใน หรือชั้นกลาง ดังนั้น ราคาขายจึงอาจจะมากกว่า 1 แสนบาทต่อตารางเมตรเกือบทุกโครงการ อาจจะมีบางโครงการที่อยู่ในซอยหรือถนนสายรองราคาขายจึงอาจจะต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อตารางเมตร หรืออยู่ในช่วงที่ไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อยูนิต บางโครงการอาจจะมีการเปิดขายที่ราคาขายมากกว่า 10 ล้านบาทต่อยูนิตเลย รวม ๆ แล้วไม่ต่ำกว่า 10 โครงการ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ผู้ประกอบการรายใหญ่อีกรายที่มีโครงการรูปแบบนี้ และเริ่มเห็นได้ชัดเจนในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา คือ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งมีการเปิดขายโครงการรูปแบบนี้มาแล้วประมาณ 16 โครงการ หรือเปิดขายโครงการรูปแบบนี้ควบคู่ไปกับโครงการคอนโดมิเนียมรูปแบบทั่วไป ราคาขายอาจจะไม่สูงมาก คือ อยู่ในช่วงไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อยูนิตเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถือว่าสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อขนาดใหญ่ได้มากกว่าผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ออริจิ้นน่าจะเป้นผู้ประกอบการที่มีโครงการคอนโดมิเนียมที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้มากที่สุดแล้วในปัจจุบัน

นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการรายใหญ่บางราย ที่อาจจะมีโครงการรูปแบบนี้บ้างเพียงแต่มีแค่ไม่กี่โครงการเท่านั้น หรือปรับบางอาคารของบางโครงการมาเป็นคอนโดมิเนียมที่เลี้ยงสัตว์ได้ เช่น แสนสิริ อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ไรมอนแลนด์ โนเบิล ไซมิส แอสเสท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น และสโคป ที่อาจจะเพียง 1-2 โครงการเท่านั้นที่เป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้

โครงการที่เปิดขายโดยผู้ประกอบการกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่มีราคาขายเริ่มต้นที่ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาทต่อยูนิต และมีบางโครงการที่มีราคาขายเริ่มต้นที่ไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาทต่อยูนิต แต่ก็ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ซื้อมากพอสมควร เพราะกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อส่วนหนึ่งก็ไม่มีลูก หรืออาจจะมีบ้านอยู่แล้ว แต่ไกลออกไปจากที่ทำงาน หรือโรงเรียนของบุตรหลานตนเอง การซื้อคอนโดมิเนียมในรูปแบบนี้ก็ตอบโจทย์ได้ครบทุกเรื่อง โดยเฉพาะไม่ต้องปล่อยสัตว์เลี้ยงไว้ที่บ้านกับคนดูแลสามารถเอามาเลี้ยงดูแบบเปิดเผยได้เลยที่คอนโดมิเนียมในช่วงวันทำงาน

ก่อนหน้านี้ที่มีโครงการคอนโดมิเนียมที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ไม่มาก หลายโครงการมีปัญหาในการที่ผู้ที่อาศัยอยู่ในโครงการคอนโดมิเนียม ทั้งในกลุ่มของเจ้าของร่วมในโครงการ และผู้เช่ามีการแอบเลี้ยงสัตว์เลี้ยง ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาลุกลามใหญ่โตเมื่อมีการตรวจสอบพบเจอ การที่มีโครงการรูปแบบนี้เปิดขายมากขึ้น และมีหลายระดับราคากลายเป็น 1 ในทางเลือกที่สำคัญของกลุ่มผู้ซื้อที่ต้องการ

คอนโดเลี้ยงสัตว์

นอกจากนี้ การเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้กลายเป็น 1 ในช่องทางการตลาดของผู้ประกอบการที่จำเป้นต้องเปิดขายโครงการใหม่ต่อเนื่อง และไม่สามารถหยุดหรือชะลอการเปิดขายโครงการใหม่ได้ แต่ปัญหา คือ ฝั่งความต้องการตลาดที่มีปัญหาค่อนข้างมากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการต้องหาจุดขายหรือความแปลกใหม่มาเป็นจุดขาย และโครงการคอนโดมิเนียมที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้เป็น 1 ในจุดขายที่สำคัญ และตอบโจทย์ทั้งในฝั่งของผู้ประกอบการ และผู้ซื้อได้เป็นอย่างดี

โครงการคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ จะมีการเปิดเผยมาตั้งแต่ช่วงก่อนที่จะเปิดขายอยู่แล้วว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ผู้ซื้อสามารถเลี้ยงสัตว์ในยูนิตของตนเองได้ เพียงแต่อาจจะมีกำหนดในเรื่องของขนาด ความสูง และน้ำหนักตัวของสัตว์เลี้ยงเพื่อที่จะได้ไม่มีคนนำสัตว์เลี้ยงที่มีขนาดใหญ่เข้ามาเลี้ยงในโครงการ

นอกจากนี้ กลุ่มคนที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์แต่เลือกที่จะซื้อโครงการรูปแบบนี้ก็ต้องยอมรับเงื่อนไขข้อนี้ให้ได้ จริงอยู่ที่ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ต้องรับผิดชอบสัตว์เลี้ยงของตนเอง แต่บางครั้งอาจจะมีเรื่องอื่น ๆ ที่สร้างปัญหาได้ รวมไปถึงเรื่องของพื้นที่บางพื้นที่ที่ต้องอยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยง ซึ่งเท่าที่ผ่านมาปัญหากระทบกระทั่งกันในโครงการรูปแบบนี้ยังไม่มากนัก แต่ปัญหาที่เกิดจากการลักลอบเลี้ยงสัตว์มีปัญหามากกว่าชัดเจน

ผู้ประกอบการที่เปิดขายและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมรูปแบบนี้ ยังมีการพัฒนาในเรื่องต่าง ๆ ภายในโครงการเพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบของโครงการ เช่น ระบบระบายอากาศที่อาจจะพิเศษมากขึ้น เรื่องของพื้นที่พิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยง การใช้สีในการตกแต่งพื้นที่บางส่วนให้สอดคล้องกับศักยภาพการมองเห็นของสุนัข และแมว การมีระบบกำจัดเสียงรบกวน หรือลดทอน ดูดซับเสียงทั้งในแต่ละยูนิต และพื้นที่ส่วนกลาง

ขณะเดียวกัน ยังรวมไปถึงการมีระบบจัดเก็บขยะ หรือของเสียที่พิเศษมากขึ้น การมีระบบกำจัดแมลง ปลวกที่พิเศษหรือมีความใส่ใจมากขึ้น นอกจากนี้ อาจจะมีบริการเสริมเพิ่มเติม เช่น การรับฝากเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยง การรักษาพยาบาลสัตว์เลี้ยงเบื้องต้น เป็นต้น ซึ่งเรื่องต่างๆ เหล่านี้ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการ ว่ามีความใส่ใจ รวมไปถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาของผู้ประกอบการเป็นสำคัญ

บทความโดย สุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่