Entertainment

อ๊อฟ ปองศักดิ์ อายที่ต้องยกเลิกงานแต่ง ทั้งที่ล็อกคิวไว้แล้ว รู้ตัวบีบแฟนเก่าเกินไป

อ๊อฟ ปองศักดิ์ รับอายที่ต้องยกเลิกงานแต่ง ทั้งที่ล็อกคิวไว้แล้ว แต่มีจุดที่ต้องจบ รู้ตัวบีบแฟนเก่าเกินไป อยากให้เป็นพ่อบ้าน

เมื่อ อ๊อฟ ปองศักดิ์ มาเป็นแขกรับเชิญพิเศษในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 เปิดเรื่องราวในชีวิตพร้อมและเผยความรักแบบทุกซอกทุกมุมของหัวใจในทุกช่วงเวลาของชีวิต ได้เปิดสัญญาณที่ทำให้รู้ว่าตัวเองเป็น ซึมเศร้า และเผยล็อกคิวแต่งงานไว้แล้ว แต่มีจุดที่ต้องจบ!?

3 อ๊อฟ ปองศักดิ์ 2

ในวันนั้นที่เราสูญเสียคุณแม่ไป คือสาเหตุที่ทำให้อ๊อฟเป็นซึมเศร้า ?

“คืออ๊อฟไม่รู้ว่าเหตุการณ์นั้นมันทำให้เกิดขึ้นหรือเปล่า เพราะว่ามันกลายเป็นซึมเศร้าหลังจากนั้น”

เพราะว่าเจอหลาย ๆ เรื่องพร้อมกันไม่ใช่แค่เรื่องคุณแม่เรื่องเดียว แต่มีเรื่องแฟนเรื่องด้วย อ๊อฟรู้สึกถึงสัญญาณของตัวเอง มาก่อนหน้านั้นอยู่แล้วหรือเปล่า ?

“อ๊อฟ รู้สึกถึงสัญญาณ คือเหมือนเราพยายามอยู่กับมันก่อนครับ อ๊อฟพยายามอยู่กับความรู้สึกนั้น แล้วเราก็พยายามทำความเข้าใจกับมัน ว่ามันคงเป็นอาการของคนปกติ ของคนที่สูญเสียอะไรสักอย่างหนึ่งไป แต่ว่าพอถึงเวลาจริง ๆ อ๊อฟรู้สึกว่าเหมือนเคมีในสมองมันวิ่งไปทั่วเลย รู้สึกว่าเราเหมือนคนจะเป็นบ้าอารมณ์มันจะแบบ บางทีเรารู้สึกเราอยากจะตายโดยไม่มีสาเหตุ บางทีเรารู้สึกเราอยากจะจบชีวิตไป แล้วก็มองตัวเองว่าทำไมชีวิตเราไม่มีความสุขเลย

ก็พยายามทำความเข้าใจกับมัน แต่สุดท้ายก็ทำความเข้าใจกับมันไม่ได้ ว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร อ๊อฟก็เลยเมื่อประมาณต้นปีที่ผ่านมานี่แหละครับ อ๊อฟก็วิ่งไปบอกพี่สาวบอกว่า พาไปหาหมอหน่อยเพราะรู้สึกว่าตัวเองอยู่ไม่ได้ รู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นบ้าจริง ๆ เพราะว่าอยู่ดี ๆ เราก็รู้สึก เราอยากผูกคอตายไปเลย บางทีเราห้ามไม่ได้ว่าเราอยากจะทำมันหรือเปล่า แต่ว่าอยู่ดี ๆ มันก็เป็นแว๊บหนึ่งที่โผล่ขึ้นมา บางทีก็อยู่ดี ๆ ก็นอนก็คิดว่าแบบ เอ๊ะ! เราจะตายอย่างดี”

3 อ๊อฟ ปองศักดิ์ 1

สิ่งหนึ่งซึ่งอ๊อฟทำถูกมากคือเลือกหาหมอ และไม่กลัวที่จะขอความช่วยเหลือ ตอนนั้นได้ปรึกษาใครก่อนบ้างไหม ?

“ไม่ได้ปรึกษาใครเลย คนใกล้ตัวเพื่อนสนิท เพราะอ๊อฟมองว่ามันเป็นเรื่องที่แบบ เราไม่น่าจะเป็นเพราะเรารู้สึกว่าชีวิตเราออกไปเจอคน แล้วเรารู้สึกว่าเราสนุกกับการที่เรามีชีวิตของเรามาก ๆ แต่ว่ามันก็จะมีบ้างแว๊บที่มันแบบ เรารู้สึกว่าเคมีในสมองมันวิ่งไปทั่วเลยครับ มันเหมือนมันเป็นน้ำที่มันเคลื่อนไปเคลื่อนมา แล้วเราก็รู้สึกว่าไม่ได้แล้ว เพราะว่าอยู่ดี ๆ แล้ว เรารู้สึกว่าเราเป็นคนที่มองโลกในแง่บวกมาก ๆ เราเป็นคนที่มีความสุขกับการใช้ชีวิตมาก ๆ แต่ทำไมเราถึงคิดอะไรแบบนี้ขึ้นมาได้ โดยที่บางทีแล้วเราก็ห้ามความคิดนั้นไม่ได้”

แต่จริง ๆ นะบางทีเราก็เผลอตัวตัดสินเนอะ เราจะเห็นบางคนที่บอกเป็นซึมเศร้าเหรอ จริงเหรอ ? เขาเป็นซึมเศร้าได้อย่างไร ? เพราะทุกคนมองว่าภาพของ อ๊อฟ คือความเฮฮา ?

“คือพออ๊อฟได้ปรึกษาคุณหมอเสร็จปุ๊บ! ตอนแรกอ๊อฟบอกพี่สาวว่า ให้พาไปหน่อยเพราะเรารู้สึกว่าเราไม่ปกติ แล้วพ่อไปคุยกับคุณหมอปุ๊บเราเป็นเคสกรณีเร่งด่วน ที่ต้องรักษาเลย”

ในเรื่องของความรัก ครั้งล่าสุดถึงขั้นทาบทามผู้ใหญ่ไว้ขนาดนั้น แล้วทำไมถึงไปต่อไม่ได้ ?

“สาเหตุมันเกิดจาก พอเราต้องแยกกันไปต่างคนต่างทำงาน แยกกันไปต่างคนต่างใช้ชีวิตอะไรอย่างนี้ครับ คือว่าตอนแรกอยู่ด้วยกัน แต่พอเหมือนเขาเริ่มที่จะมีชีวิตของตัวเอง มันก็เลยทำให้เรารู้สึกว่า สิ่งที่เราเคยได้สิ่งที่เราเคยมีหรือบางทีอาจจะเป็นเรื่องที่เราเองก็ได้ ที่เราดันมองความสุขที่เราเคยมีด้วยกันน้อยลง มันก็เลยทำให้เรารู้สึกว่าเราคงไปด้วยกันไม่ได้ บทที่มันยากที่สุดคือ บทที่เราจะต้องโทรไปบอกคนเหล่านั้น ที่เราเคยบอกว่าเดี๋ยวมางานเราหน่อยนะ นี่คือเป็นจุดที่ยากที่สุดครับ

3 อ๊อฟ ปองศักดิ์ 3

แล้วโทรบอกพี่ฉอดว่า ?

พี่ฉอด : “ไม่ได้บอก”

อ๊อฟ : “ไม่ได้บอกครับ”

พี่ฉอด : “อยู่ ๆ ก็เงียบไป คิวยังล็อคอยู่เลย (ยิ้ม)”

อ๊อฟ : “911 เลือกวันได้ (หัวเราะ)”

เราได้ลองพยายามไหมมันอาจจะแค่ช่วงเวลาหนึ่ง ?

“พยายามแล้วครับไม่รอด ไม่รอดจริง ๆ”

ครั้งที่เราเข้าใกล้กับการแต่งงาน ซึ่งเป็นความฝันของเรา เราเรียนรู้อะไรจากสิ่งนี้บ้าง ?

“อ๊อฟว่าอย่างแรกเลยคือ ให้เวลากับมันมากกว่านี้อีกหน่อยดีกว่า เราอย่ารีบ”

ถ้าสมมติว่าจะแต่งงาน ปกติเขาก็ต้องคุยกันว่าจะอยู่อย่างไร อยู่บ้านใครซื้อที่ปลูกบ้านหรืออยู่คอนโด ที่ฉัน บ้านเธอ มันมีเรื่องที่จะต้องวางแผน เราคุยกันไหม ?

“คุยกันครับ ก็คืออยู่บ้านอ๊อฟอยู่แล้ว หรือถ้าเกิดว่าอยากจะอยู่คอนโดที่มันใกล้ที่ทำงาน เราก็มีคอนโด คืออ๊อฟจะเป็นประเภทแบบ อ๊อฟอยากได้พ่อบ้าน คือคนที่อยู่กับเราได้ตลอดเวลา”

3 อ๊อฟ ปองศักดิ์ 4

ไม่ต้องทำอะไรดูแลเราอย่างนี้เหรอ เหมือนฉันออกไปทำงานแล้วเธออยู่ดูแลฉันนะ ?

“ใช่ครับ อ๊อฟจินตนาการภาพเป็นอย่างนั้นไง”

เขาอยากเป็นพ่อบ้านไหมเอาจริง ๆ ตอนนั้น หรือเราพยายามยัดเยียดว่าเธอก็เป็นพ่อบ้านสิ ?

“ใช่ครับ แล้วเขาเองก็เลยกลายเป็นว่า เขาก็ไม่พร้อมที่จะมาเป็นพ่อบ้านให้เรา แล้วเราเองก็เหมือนไปบีบเขามาก พอเราไปบีบเขามากปุ๊บ มันก็เลยทำให้ก็ต้องเลิกกันไปโดยปริยาย”

อย่างที่บอกแหละความคาดหวัง แล้วครั้งนี้ถือว่าเราอกหักไหม ?

“ก็อกหักนะครับ ครั้งนี้หักมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะว่าอายด้วย (หัวเราะ) ตรงที่ว่าเราต้องโทรไปบอกทุกคนว่าเรายกเลิก เราคืนคิวนะ”

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo