Entertainment

ลูกชายนักแสดงดัง เคลียร์ปมในใจ รับ! ช่วงวัยเด็ก โดนเพื่อนล้อมีแม่เป็นทอม

อ้อย จิระวดี ควงลูกชาย เคลียร์ปมในใจ พอชตี้ค์ ณัฏฐพล รับ! ช่วงวัยเด็ก โดนเพื่อนล้อมีแม่เป็นทอม

เป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่อยู่ในวงการบันเทิงมาอย่างยาวนาน สำหรับ อ้อย จิระวดี นักแสดงรุ่นเก๋า เธออยู่วงการบันเทิงมานานกว่า 40 ปี มีผลงานงานมาแล้วหลายเรื่อง มีผลงานเด่น เช่น อีสา, บัวแล้งน้ำ,หนุ่มทิพย์ ผลงานหนังไทยและภาพยนตร์ไทย เพียงคำเดียวเป็นต้น

ปกอ้อยคุยแซ่บภาพถ่ายหน้าจอ 2567 06 22 เวลา 11.59.29

อ้อย จิระวดี ควงลูกชาย เคลียร์ปมในใจ รับ! ช่วงวัยเด็ก โดนเพื่อนล้อมีแม่เป็นทอม

ล่าสุด (21 มิ.ย.) อ้อย ได้มาเปิดใจเรื่องราวในอดีตหลังประกาศตนว่าเป็นทอม แม้ตอนนั้นกำลังเป็นนางเอกชื่อดัง ลั่นขอเป็นตัวของตัวเองดีที่สุด ! พร้อมควงลูกชายสุดหล่อ พอชตี้ค์ ณัฏฐพล เคลียร์ปมในใจวัยเด็กหลังโดนเพื่อนล้อมีแม่เป็นทอม จนต่อต้านแม่ขั้นสุด ย้อนเล่าเหตุการณ์คุณยายมารศรีติดโควิดในวัย 102 ปี ที่บอกเลยว่าวิกฤติหนัก หมอถึงขั้นบอกให้ทำใจ ! ทุกประเด็นในรายการ คุยแซ่บShow ทางช่องOne31 ที่มี หนิง ปณิตา และ บูม สุภาพร เป็นพิธีกร

วันนี้วงการบันเทิงได้สูญเสีย แม่แอ๊ด โฉมฉาย  แม่อ้อยก็เคยได้ร่วมงานกับแม่ด้วย ?
แม่อ้อย : รู้จักแม่มาประมาณ 40 ปี เป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือนิสัยดีมาก สนิทกันมาก ลูกชายด้วย

พอชตี้ค์ :  ตั้งบ้านลุงรอง บ้านป้าทุม อยู่ด้วยกันหมดเลย

รู้ข่าวตอนแรกรู้สีกยังไงบ้าง ?

แม่อ้อย : ช็อก ต้องบอกจริงๆว่าช็อก แม่เขายังแข็งแรงอยู่ ไปเร็ว เสียใจ ทุกคนที่รู้จักสะเทือนใจมากๆ

แม่อ้อยรู้ข่าวเมื่อไหร่ ?

แม่อ้อย :  พี่รู้ข่าวเมื่อวานนี้ พี่ในกลุ่มพี่แต๋วโทรมาบอก พอเรารู้ก็จริงหรอ ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะหลังสุดที่เราเจอที่งานพี่โป้ย นิภาภรณ์ แม่ยังมีความสุขอยู่เลย

อ้อย1

มีความทรงจำของแม่แอ๊ดยังไงบ้างคะ ?

แม่อ้อย : แม่เป็นคนที่มี่แต่รอยยิ้มและชอบคุยสนุก เขาก็เลี้ยงพอชตี้ค์มาแต่เด็ก

พอชตี้ค์ : ต้องบอกว่าป้าแอ๊ดเป็นคนที่น่ารักมาก จิตใจดี ให้ความอบอุ่นกับหลานๆตลอดเวลา ลูกๆทุกคนเขาจะสนิทกัน พี่สาวจะสนิทกับพี่อาร์ต สนิทกับพี่ยุ้ย จะอยู่กลุ่มเดียวกัน ป้าแอ๊ดจะน่ารักเสมอ

อยากจะบอกอะไรกับแม่แอ๊ด ?

แม่อ้อย : อยากจะบอกแม่แอ๊ดขอให้แม่แอ๊ดไปสู่สรวงสวรรค์ได้พบเจอกับพระเจ้าอย่างที่แม่แอ๊ดตั้งใจไว้

พอชตี้ค์ : เหมือนกันครับ ขอให้แม่แอ๊ดไปสู่สุคติไปสู่สรวงสวรรค์ ไปอยู่ที่สุขสบาย ไม่ต้องทุกข์ทรมานอะไรแล้ว

ที่เชิญแม่อ้อยมาออกรายการเพราะเราอยากจะร่วมฉลองยินดีไปกับ พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม ที่เกิดขึ้นจริงๆแล้วในประเทศไทย แม่อ้อยคือตำนานยุคแรก ๆ ที่ออกมายอมรับในวงการบันเทิง ถ้าย้อนกลับไปในอดีตเป็นที่ไม่ยอมรับเลย ถ้าใครออกมายอมรับเรื่องนี้ดูเป็นคนที่แปลกแยก ตอนนั้นออกมายอมรับเลยว่า ฉันคือทอม ?

แม่อ้อย :  ใช่ค่ะ เราเป็นตัวของตัวเอง มีความรู้สึกว่าเราเป็นอะไรก็เป็นอย่างนั้น ให้มานั่งเก็บกดมันก็ไม่ใช่แล้วดีตรงที่ว่า ครอบครัวยอมรับ

แต่ตอนนนั้นในวงการภาพยนตร์ วงการละคร นางเอกต้องอยู่ในกรอบ แล้วแม่อ้อยคือนางเอกที่กล้าออกมาพูด ขอย้อนไปนิดนึงประมาณกี่ปีที่ตัดสินใจออกมายอมรับและบอกให้คนทั้งประเทศได้ทราบ เราแตกต่างนะ ?

แม่อ้อย : ตั้งแต่วัยอลวน ปี 2518

ฟีดแบ็คกลับมาที่เราเป็นยังไงบ้าง ?

แม่อ้อย : มีคนถามเยอะ ใช่พี่เป็นแบบนี้แหละ พี่ก็เป็นทอม

แล้วมันมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานมั้ย ?

แม่อ้อย : เอาจริง ๆ ไม่มีนะ เพราะว่าไม่ค่อยมีใครกล้าอะไรมั้ง เพราะว่าพี่ค่อนข้างดุ

สื่อยังไม่ค่อยมีเยอะด้วยมั้ย ?

แม่อ้อย : สื่อน่ะมีเยอะ บางทีเขียนว่าพี่ปลูกขนหน้าอก พี่ก็ต้องเชิญมาคุยต่อหน้าคนเยอะๆ แล้วพี่ค่อนข้างดุ แต่ตอนนี้ใจดี

ตอนนั้นพอเราได้เปิดเผยทุกอย่าง ไม่กลัวว่าเราเป็นนางเอกนะ ?

แม่อ้อย : พี่ไม่เคยกลัวเลยนะ พี่ถือว่าพี่ทำงานออกมาให้ดีที่สุด เป็นตัวของตัวเอง อยู่ที่เขาจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ พี่ไม่ค่อยแคร์ จะให้พี่ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง พอออกไปข้างนอกทำเป็นกุลสตรีไทยมันไม่ใช่

อ้อย2

ถ้าย้อนไปตอนนั้นมีพราชบัญญัติสมรสเท่าเทียมจริง ๆ แม่จะใช้สิทธิ์กับเรื่องนี้มั้ย ?

แม่อ้อย : มุมมองของพี่อาจจะยัง อาจจะไม่ใช้สิทธิ์เพราะตอนนั้นเราคือนางเอก คือเราเป็นทอมแบบนี้แต่ถ้าจะให้ถึงขั้นจดทะเบียนคนต้องไม่ยอมรับแน่ ๆ

ณ วันนี้พระราชบัญญัติผ่านไปแล้ว รุ่นเดอะอย่างพี่อ้อย คิดยังไงกับพระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียมในวันนี้ ?

แม่อ้อย : พี่เห็นด้วยนะคะ เห็นด้วยจริงๆ เพราะทุกคนมีสิทธิ์เสรีภาพของตัวเองและอะไรก็ตามการที่เขามีความรัก ไม่ว่าเพศไหนก็ตาม มันคือความรักที่บริสุทธิ์ที่ออกมาจากใจ ขอให้เป็นคนดีแค่นั้นพอแล้ว

หลาย ๆ คนอาจจะไม่เคยเห็นสุดหล่อที่สุดของแม่อ้อย หลายคนเข้าใจว่าแม่อ้อยเป็นโสด แล้วลูกชายมาได้ยังไง ?

พอชตี้ค์ : เมื่อก่อนแม่ชอบพูดว่าเป็นน้อง หมายถึงว่าเวลามีใครแซว ไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ นอกจากว่ามีคนบอกว่าน้องจริงหรอ ก็จะบอกว่าลูก

พี่อ้อย  : ที่ไม่พูดไม่ได้อายใครนะ แต่มีความรู้สึกว่าหน้ามันใกล้เคียงกันไม่ใครหน้าอ่อนกว่ากัน

คู่นี้ไม่ค่อยแสดงความรักกันจนบางทีแม่อ้อยน้อยใจทำไมไม่แสดงความรักกับแม่บ้าง ?

พี่อ้อย  : ขอกอดก็ไมให้กอด ขอหอมก็ไม่ให้หอม

พอชตี้ค์ : มันอาจจะไม่ชินครับ น่าจะตั้งแต่เด็กความห่าง เพราะว่าเรามีอดีตที่เรารู้สึกว่ายังไม่มีใครยอมรับ แล้วก็เป็นปมด้อยตั้งแต่เด็กแม่เป็นทอม โดนล้อมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งเมื่อก่อนทอมเป็นอะไรที่ไม่มีใครกล้าเปิดตัว

มีปมมากเรื่องที่คุณแม่เป็นทอม ?

แม่อ้อย  : ก่อนเข้าโรงเรียนตอนเด็ก ๆ เขาจะเป็นคนที่ภูมิใจในตัวพี่มากก็รู้ว่าพี่เป็นแบบนี้แหละแต่ก็ภูมิใจมาก แต่พอเข้าโรงเรียนแล้วเท่านั้นแหละ เหตุการณ์ที่เขามีปมคือ

พอชตี้ค์ : จะโดนล้อ อันนี้คือช่วงสมัยประถม มัธยมต้น จะโดนล้อ แล้วมันมีเรื่องตลอด ต้องเข้าห้องปกครองตลอด เหมือนล้อแม่เรา แม่เป็นทอม มีลูกหรอ เรารู้สึกว่ามาว่าแม่เราแบบนี้ไม่ได้ เลยรู้สึกว่าเป็นปม เวลาเจอแม่เหมือนเป็นการต่อต้าน ณ ช่วงนั้น แต่จริงๆคือรัก รักแม่ แต่ว่าการแสดงออกมันตั้งแต่เด็กมันเป็นการต่อต้าน ในความรู้สึกของตัวเอง มันยังไม่มีการยอมรับเกิดขึ้น แล้วยิ่งโดนล้อทุกวันแล้วเราต้องเข้าห้องปกครองมีเรื่องการรุ่นพี่ รุ่นน้อง เพราะว่าในโรงเรียนคนจะรู้ว่าเราเป็นลูกจิระวดี เพราะเขาจะรู้ว่าแม่ของเรามีชื่อเสียง ก็เหมือนเขาจะเล็งมาที่เราเลย มันก็เลยเป็นปมด้อย

ร้องไห้บ่อยด้วยใช่มั้ย ?

พอชตี้ค์ : โดนล้อไม่ร้อง แต่ร้องตอนอยู่คนเดียว รู้สึกทำไมแม่ถึงเป็นแบบนี้ ณ ตอนนั้นทำไมไม่เหมือนแม่คนอื่น ทำไมแม่ถึงแข็ง แม่คนอื่นเวลาเจอลูก กินข้างหรือยังมากอด ของเราอาจจะเป็นด้วยความห่างด้วย ก็เลยรู้สึกว่าเป็นการต่อต้านในช่วงแรก ๆ

แม่อ้อยรู้มั้ยว่าลูกเราโดนล้อ ?

แม่อ้อย :  ตอนนั้นไม่รู้เลย พี่ทำงาน 7 วัน จนถึงอายุ 60 การที่จะได้คุยกันยาก นอกจากวันหยุด

พอรู้ว่าลูกเราโดนล้อช่วงไหน ?

แม่อ้อย : ก็ตอนเล่าออกรายการต่าง ๆ ก็รู้สึกเสียใจนะที่ทำให้ลูกโดนล้อ

พอชตี้ค์ : แต่ต้องบอกก่อนว่า ณ ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วนะครับ ณ ตอนนี้โอเคมากๆกับการที่แม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะว่าเรารู้สึกว่าเราโตขึ้นเราก็จะเริ่มรู้แล้วว่า ความสุขของเขาคืออะไร เราก็เจอเพศที่สามหลายๆแบบ แล้วเรารู้สึกว่าแต่ละคนน่ารักมาก

ทำไมตอนนั้นไม่เลือกที่จะคุยกับแม่ตรง ๆ ว่ามีปัญหาแบบนี้ ?

พอชตี้ค์ : อย่างที่บอกว่ามันเป็นความต่อต้านแต่แรก คือตั้งแต่เด็กจะไม่ได้อยู่กับแม่ ก็จะอยู่กับคุณยาย อยู่กับย่า ความห่างก็จะมีอยู่แล้ว มันก็จะไม่กล้าที่จะพูดความรู้สึก แล้วยิ่งโดนพูดเยอะ ๆ ทุกวัน ๆ วันยิ่งเป็นกาต่อต้านเป็นการดันกัน

แต่เข้าใจใช่มั้ยที่แม่เขาทำงานเหนื่อย 7 วัน จนอายุ 60 จริง ๆ เขาทำเพื่อพี่ ?

พอชตี้ค์ : เข้าใจครับ พอเราโตขึ้นแล้วเราคิดได้ เราก็เริ่มรู้แล้วว่าสิ่งที่เขาเป็นมันไม่ได้สำคัญเลย ความรักที่เขาให้เรามา การดูแล การเลี้ยงดู การทำงาน มันทำให้เรารู้สึกว่าตรงนั้นไม่ใช่ประเด็น ไม่ใช่ความสำคัญกับเราแล้ว

อ้อย3

อยากพูดกับคนที่มีปัญหาตรงนี้ยังไงมั้ย ?

พอชตี้ค์ : ใครที่ดูอยู่อยากให้ยอมรับตัวตนของคนที่เป็นพ่อ เป็นแม่ คนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นพี่ เป็นน้อง ขอให้ยอมรับในตัวตนของเขามากกว่า สุดท้ายแล้วมันอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า มันไม่ได้อยู่ที่เพศ บางคนเป็นแบบนี้ก็รักกันได้ มันไม่ผิด พอเราโตขึ้นก็อยากจะส่งต่อ รักคนในครอบครัว เข้าใจเขาดีกว่า

ตอนนี้ที่ลูกเริ่มต่อต้านพี่อ้อยสัมผัสได้มั้ยว่าลูกเริ่มไม่สนิทกับเรา ?

พี่อ้อย : ก็มีบ้าง จากที่เขาเคยบอกว่าเขาภูมิใจในตัวแม่ พอไปเข้าโรงเรียนมันเริ่มเปลี่ยนไป การที่จะมาคุยเล่นน้อยลง แต่คุยกันปกติ

เขากล้าที่จะพูดความรู้สึกออกมาทั้งหมด ในมุมคนเป็นแม่ เรารู้สึกยังไงบ้าง  ?

แม่อ้อย : เราเสียใจที่ทำให้เขาต้องมีความรู้สึกแบบนี้ แต่พี่เคยสอนเขาตั้งแต่เกิดเลย คนเราถ้าเรารักใครซักคนถ้าเขามีความสุขยังไง เราต้องให้เขา กับการที่เรารักเขาแต่เขาต้องอยู่ในกำมือของเราจะทำอะไรก็ไม่ได้ เขาจะเก็บกด เขาจะไม่มีความสุข แต่ถ้าเรารักเขาคือการให้

พี่อ้อยได้อธิบายมั้ยว่าแม่เป็นแบบนี้ เราต้องเล่าให้เขาเข้ายังไง ?

แม่อ้อย : เอาจริง ๆ พี่เนี่ยเป็นทอมตั้งแต่เด็ก แต่พี่เป็นคนที่อยากแต่งงาน อยากมีครอบครัว อยากมีลูก เพราะว่าพี่อยู่บ้านเสรรีรัตน์ครอบครัวที่เลี้ยงพี่มา ครอบครัวเขาทุกคนไม่มีใครที่นอกใจกันแล้วครอบครัวเขามีความสุขมาก ๆ พี่เลยมีความรู้สึกว่าพี่มีความอบอุ่นมาก ๆ พี่อยากมีลูกมาก ๆ พี่ก็เลยแต่งงาน

ยอมที่จะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นผู้หญิงทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นมีแฟนเป็นผู้หญิง ?

แม่อ้อย : มีแฟนเป็นผู้หญิงอยู่ด้วย พี่ก็บอกแฟนว่าพี่อยากแต่งงานแล้วนะ ตอนนี้มีหนุ่ม ๆ มาขอเยอะมากเลย ตอนนั้นเป็นนางเอกด้วย ก็เลยตัดสินใจแต่งงาน พอแต่งแล้วก็เป็นกุลสตรีไทยค่ะ ทาเล็บ ไว้ผมยาว เวลาพูดจาก็หนีบค่ะ มีการค้อน(หัวเราะ) เรียบร้อยด้วยค่ะ

เรามีเบบี๋แล้ว วันนึงเราต้องอธิบายให้เขาฟังว่า แม่ไม่ทาเล็บแล้วนะ แม่ไม่ผมยาวแล้วนะ ?

แม่อ้อย : พอวันนึงก็บอกลูกตามตรงว่าเราอยู่กันไม่ได้ มันไม่ใช่เราไง ก็คงต้องแยกกันแต่แม่กับพ่อเขาก็เป็นเพื่อนกัน ไปมาหาสู่บางทีก็มานอนที่บ้าน

อธิบายเขายังไงคุณแม่เป็นทอม เด็กไม่เข้าใจ ตอนนั้นพี่อ้อยอธิบายเขายังไง?

แม่อ้อย : พี่อธิบายอย่างที่บอกไปคือความรัก เรารักเขาเขามีความสุขแบบไหน เราต้องโอเคยอมรับตรงนั้น เพื่อให้เขามีความสุข แต่ว่าถ้าเรารักเขา เรามากดดันเขามาบีบคั้นเขาไม่ให้เขาเป็นตามที่เขาต้องการ เขามีความสุขมั้ย ความรักคือการให้ ง่าย ๆ

พอพี่พอชโตขึ้นเห็นอะไรในตัวผู้หญิงคนนี้ ต่อให้จะอยู่ในสภาพเพศไหนก็ตาม แต่หัวใจความเป็นแม่เขามีเต็ม ?

พอชตี้ค์ : คือแม่เขาเป็นคนที่ตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อลูกอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเรื่องทำงาน เรื่องครอบครัว เขาเต็มที่กับตรงนี้อยู่แล้ว รู้สึกภูมิใจ ตอนนี้เราอาจจะยังคิดไม่ได้หรอก พอเราโตขึ้นมา รู้สึกภูมิใจในตัวแม่ มีแต่คนรักเขา

แม่อ้อยเริ่มมีแฟน ตอนนั้นพี่พอชเห็นมั้ย มีคำถามมั้ย อธิบายยังไง ?

พอชตี้ค์ : เห็นครับ เห็นมาตลอด

แม่อ้อย : ไม่ได้อธิบายอะไรเลย เขาชินตั้งแต่เด็กแล้ว

เปลี่ยนบ่อยมั้ยคะ ?

พอชตี้ค์ : บ่อยมาก(หัวเราะ)

พี่อ้อย : ขอโทษนะ ที่เปลี่ยนบ่อยเพราะโดนทิ้ง เพราะพี่ไม่ดีพอ

คนที่เข้ามาในชีวิตเราต้องเข้ากับลูกเราได้ด้วยมั้ย ?

พี่อ้อย : ค่ะ อันนั้นสำคัญที่สุด

ตอนนั้นเราเห็นแฟนของแม่มา เรามีคำถามมั้ย ?

พอชตี้ค์ : อย่างที่บอกเรารู้มาตั้งแต่เด็กว่าแม่เป็นแบบนี้ แล้วผู้หญิงที่มาอยู่กับแม่เป็นแบบไหน บางทีเราก็ต่อต้าน เจอเขาบางทีเราก็ไปที่อื่นออกไปข้างนอก อันนี้หมายถึงบางคนนะ แต่บางคนที่เข้ากับเราได้ เข้ามาพูดคุย เราก็โอเคคิดว่าเป็นเพื่อนแม่คนนึง ก็มีหลายคนที่ประทับใจ

อ้อย4

อ้อย5

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo