POLITICS-GENERAL

‘เศรษฐา’ มองปม ‘ทักษิณ’ พูดถึงความขัดแย้งเป็นห่วงบ้านเมือง

“เศรษฐา” มอง “ทักษิณ” พูดปมขัดแย้ง เป็นห่วงบ้านเมือง ไม่ใช่การปลุกปั่น ยันยังมีอำนาจเบ็ดเสร็จ ยอมรับต่างชาติตั้งคำถาม ลั่นทำงานไม่ย่อท้อ ยังยิ้มได้ รับบางทีก็กัดฟันเหมือนกัน

ที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อำเภอปาน จังหวัดลำปาง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มักออกไปพูด หลายประเด็น ทำให้นักวิชาการบางคนมองว่า เป็นเรื่องของการปลุกปั่น ว่าส่วนตัวไม่ได้มองเป็นการปลุกปั่น แต่เชื่อว่าแต่ละคนมีหลักความคิดและวิธีคิดแตกต่างกันไป เชื่อว่านายทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี หรือหลาย ๆ ท่าน ที่ออกมาให้ข่าวในช่วงหลังนี้ เชื่อว่าทุกคนเป็นห่วงบ้านเมือง แต่วิธีการพูด วิธีการตักเตือน ก็มีหลายๆ วิธีที่ต่างกัน ฝ่ายบริหารก็มีหน้าที่รับฟัง อะไรที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศ หรือสถานการณ์ ก็เป็นหน้าที่ที่เราจะต้องรับไปพิจารณา รับไปปฏิบัติ

เมื่อถามว่าดูเหมือนจะกระทบชิ่งไปถึงพรรคร่วมรัฐบาล จะกระทบต่อเสถียรภาพพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า คนอยู่ด้วยกันก็มีทั้งเห็นด้วยและเห็นต่าง ตนในฐานะหัวหน้ารัฐบาล มีหน้าที่ใช้คำว่า ประสานใจ หากมีเรื่องข้องใจก็มานั่งพูดคุยกัน  พยายามที่จะให้มีการพูดคุยกันกับทุกพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว

ห่วงบ้านเมือง

เมื่อถามว่าเรื่องทางการเมืองจะท้าทายกับการทำงานของนายกรัฐมนตรี จนทำให้การทำงานสะดุดหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า สองคำถาม คือท้าทายกับสะดุดหรือไม่ ท้าทายแน่นอน  ที่ถามว่าเป็นห่วงไหมก็เป็นห่วง แต่สะดุดไหม ผมว่าไม่สะดุด เพราะผมเชื่อว่าแรงบันดาลใจจากพี่น้องประชาชน ยังไม่มีความสุขพอ ขอใช้คำนี้ ผมว่าเป็นแรงบันดาลใจที่ผู้บริหารทุกกระทรวง ทบวง กรม ทุกคนอยากเห็นความสุขอยู่ในชีวิตของพี่น้องประชาชน ฉะนั้น ท้าทายก็ท้าทาย แต่ไม่สะดุดครับ”

เมื่อถามว่า ความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ มีการมองสองมุม บางคนมองว่าช่วยดึงมวลชน แต่บางมุมมองว่ากระทบต่อภาพลักษณ์รัฐบาล โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ได้มีการพูดคุยหรือไม่ว่าต้องทำอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ส่วนตัวในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้พยายามทำตัวให้เป็นน้ำไม่เต็มแก้ว ข้อแนะนำต่างๆ บางทีสื่อมวลชนก็แนะนำแรงบ้าง บางคนพูดจาไพเราะบ้าง แต่เราอย่าไปดูวิธีการนำเสนอ  รุนแรงเสียดทาน ก้าวร้าว เรามองถึงเจตนารมณ์ดีกว่า เชื่อว่าทุกท่านไม่ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล หรือพรรคฝ่ายค้าน ทุกคนอยากให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าได้  ตนพยายามมองให้เป็นบวกดีกว่า อย่างที่บอกว่าท้าทายไหมก็ท้าทาย

เมื่อถามว่าบางฝ่ายในพรรคร่วมรัฐบาลแคลงใจ อาจไม่อยากให้เกิดการขุ่นใจ เพราะนายทักษิณ ได้พูดทำนองถึงคนในบ้านป่ารอยต่อ ทำให้เกิดความวุ่นวาย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องที่มีการพูดคุยหรือสนทนากัน โดยเฉพาะเรื่องที่พูดไปแล้ว อยากให้มีทางออกสำหรับทุกฝ่ายมากกว่า นั่นคือปัญหาของพี่น้องประชาชน

ห่วงบ้านเมือง

เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวในลักษณะอำนาจเชิงซ้อนระหว่างนายทักษิณ กับนายกรัฐมนตรี มีผลต่อสายตานักลงทุนต่างชาติหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่พูดว่าอำนาจเชิงซ้อน มีหรือไม่มีก็แล้วกัน อันนี้ก็แล้วแต่จะไปคิดกันเอง แต่อำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ที่ตน และเป็นคนเซ็นต์ทุกอย่างที่ลงนามผิดหรือถูก เป็นคนรับทำ  เจออดีตนายกรัฐมนตรี ท่านไหนก็จะเข้าไปหา ถ้ามีอะไรที่จะแนะนำก็น้อมรับ ไม่ใช่อดีตนายกรัฐมนตรีอย่างเดียว อดีตนักการเมือง เพื่อนนักธุรกิจ หรือประชาชน ได้ลงพื้นที่มาตลอด 3 วัน  ก็มารับฟังตลอด เพราะฉะนั้นตรงนี้เชื่อว่าอย่าใช้คำว่า อำนาจซ้อนจะดีกว่า เราใช้คำว่ารัฐบาลนี้รับฟังความคิดเห็นจากทุกๆฝ่ายดีกว่า

ห่วงบ้านเมือง

เมื่อถามว่าต่างชาติมีการตั้งคำถามในแง่นี้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวยอมรับ ก็มีครับ ยอมรับว่ามี  ก็เป็นธรรมดา แต่บทพิสูจน์ในการที่ตนเข้ามาประมาณ 9-10 เดือนนี้ มันพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าจริงๆ แล้วการทำงานมีอิสรภาพส่วนหนึ่ง การที่เรารับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วน มันไม่ใช่แค่อดีตนายกรัฐมนตรี หรือพรรคของเรา หรือพรรคร่วม หรือพรรคฝ่ายค้าน หรือสื่อมวลชน หรือพรรคพวกที่ไม่เห็นด้วยก็ตามที  อะไรที่เป็นประโยชน์อะไรที่เห็นว่าเป็นคำติชม หรือเป็นคำเสนอแนะที่เหมาะสม ตนก็พร้อมที่จะปฏิบัติ

ผู้สื่่ข่าวถามว่า การเมืองเป็นแค่วิกฤติหนึ่ง  ขณะที่นายกรัฐมนตรี เคยเจอวิกฤติมามากกว่านี้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า สมัยก่อนวิกฤติก็เป็นแค่วิกฤติของบริษัทเอกชน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นในเชิงลบก็กระทบกับคนหมู่น้อยใช่หรือไม่ แต่ถ้าการเมืองในฐานะอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของประเทศ เป็นหน้าที่ที่นายกรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบ ตอบพี่น้องประชาชน 60-70 กว่าล้านคน

ผมคิดว่าพร้อมครับ หากดูได้จากวิธีการทำงาน ผมไม่ได้ย่อท้อ เจอปัญหาผมก็ยังทำงานต่อไป พรุ่งนี้เช้าก็ตื่น 7 โมงเช้า ไปทำงานเหมือนเดิม

เมื่อถามว่า นายกรัฐฐมนตรียังยิ้มได้อยู่ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “ครับ ยังยิ้มได้อยู่ครับ แต่บางทีก็กัดฟันเหมือนกัน” 

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight