POLITICS-GENERAL

ศาลให้ประกัน ‘สุเทพ’ กับพวก 14 ราย ห้ามออกนอกประเทศ-ยึดพาสปอร์ต

ศาลให้ประกันสุเทพ” กับพวก 14 ราย ระหว่างฎีกาห้ามออกนอกประเทศยึดพาสปอร์ต เจ้าตัวเผยไม่กังวล

วันนี้ (27มิ.ย.) ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีกบฏ กปปส.ชุดใหญ่ หมายเลขดำ อ.247/2561 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส.กับพวกแกนนำและแนวร่วม กปปส.รวม 39 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ, ก่อการร้าย, ยุยงให้หยุดงานฯ, กระทำให้ปรากฏด้วยวาจาหรือวิธีการอื่นใดฯ ทำให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในราชอาณาจักรฯ, อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ, บุกรุกในเวลากลางคืนฯ และร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้งฯ

ประกัน 1

นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความของนายสุเทพ เปิดเผยว่า วันนี้ศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษามีรายละเอียดค่อนข้างมาก แต่เท่าที่จดมาทันคือ ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องในข้อหากบฎและก่อการร้าย พิพากษาลดโทษจำคุก นายสุเทพ กับพวก ที่เดิมโดนตั้งเเต่ 4 – 9 ปีเศษ ก็ลดกันมาเหลือคนละ 1 ปี – 1 ปีเศษ แบบนายสุเทพ กับนายถาวร เสนเนียม เหลือคนละ 1 ปี แต่ไม่รอลงอาญา เหตุผลที่ศาลอุทธรณ์ลดโทษเนื่องจากมองว่าเป็นการกระทำกรรมเดียวเหตุต่อเนื่องกัน ต่างจากศาลชั้นต้นที่มองเป็นการกระทำหลายกรรมโทษเลยสูง โดยที่พิพากษาจำคุกไม่รอลงอาญาทั้งหมด 14 คน ส่วนรายอื่นก็มีพิพากษาแก้ยกฟ้อง และมีเพิ่มโทษ จำเลยที่ไม่รอลงอาญาขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นประกันในชั้นฎีกา ซึ่งคาดว่าศาลจะมีคำสั่งได้ในวันนี้เลยเนื่องจากศาลชั้นต้นสามารถสั่งเองได้ แต่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจว่าจะส่งศาลฎีกาหรือไม่ หลักทรัพย์เดิมเราเตรียมไว้พร้อมแล้ว

ต่อมาเวลา 16.20 น.นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความ เปิดเผยว่า ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้ง 14 คน ระหว่างฎีกา โดยใช้หลักทรัพย์เดิมในศาลชั้นต้น ประมาณรายละ 6 – 8 แสนบาท โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยเดินทางออกนอกประเทศเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล โดยให้นำพาสสปอร์ตมาวางศาลไว้

ภายหลังได้รับการประกันตัว นายสุเทพ กล่าวถึงกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ลดโทษจำคุก แต่ไม่รอลงอาญา ว่า ทุกอย่างเป็นกระบวนการ ซึ่งเป็นไปตามดุลพินิจของศาล พวกตนที่เป็นจำเลยตั้งใจมาตั้งแต่ตอนต่อสู้คดีในศาลชั้นต้นแล้ว ไม่ว่าศาลจะมีคำพิพากษาใดๆ เราก็น้อมรับคำพิพากษาของศาล วันนี้ศาลอุทธรณ์ก็ได้ยกฟ้องจำเลยเพิ่มขึ้น จากเดิม 12 คน ก็เป็น 19 คน เพราะส่งผลให้ครอบครัวของจำเลยมีความสุขไม่ต้องกังวล ส่วนพวกเราที่ศาลจำคุกไม่รอลงอาญาก็จะสู้คดีต่อในชั้นศาลฎีกา ไม่มีความเห็นที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์คำพิพากษาการใช้ดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ ที่ถามว่าสองศาลไม่รอลงอาญาหนักใจหรือไม่นั้น ขอบอกว่า เจตนาที่เราออกมาตั้งแต่ต้นเป็นเจตนาดีที่เราทำเพื่อประเทศชาติ เมื่อเรามั่นใจว่าทำความดี เราก็จะต้องรับผลถึงที่ดี ใจเราก็ดีมาตั้งแต่ต้นไม่มีความกังวลอะไร ส่วนในชั้นฎีกาจะขอให้ศาลรอการลงโทษหรือไม่ ก็ต้องไปปรึกษาทนายเพื่อต่อสู้คดีในชั้นฎีกาต่อไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo