POLITICS-GENERAL

‘บิ๊กเต่า’ จ่อฟัน 157 สองตำรวจชั้นประทวน หนีเวรทำเรือของกลางหาย

“บิ๊กเต่า” จ่อฟัน 157 สองตำรวจชั้นประทวน หนีเวรทำเรือของกลางหาย เตรียมออกหมายจับ “เสี่ยโจ้” สัปดาห์นี้ 

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.ศราวุฒิ ลิจฉวีราช , พ.ต.อ.ราม รสหอม รอง ผบก.รน. และ คณะเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีเรือน้ำมันเถื่อน ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดี

ตำรวจ

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า มติที่ประชุม ได้ข้อสรุปแล้วว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ ประกอบด้วย ตำรวจระดับสารวัตร 1 ราย และ ชั้นประทวน 2 ราย รวมถึงเตรียมประสานให้ บก.รน. ส่งตัวแทนเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อแจ้งเอาผิดตามมาตรา 157 กับ ตำรวจชั้นประทวน ทั้ง 2 นายนี้เพิ่มเติม นอกจากนี้หลังเสร็จสิ้นคดี ก็จะดำเนินการยื่นฟ้องคดีละเมิดกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง กรณีทำให้ทรัพย์สินราชการ หรือ ของกลางเสียหาย อีกด้วย

วพบว่าเป็นการกระทำที่บกพร่องต่อหน้าที่ ละเว้นไม่เข้าเวรยามจนเป็นเหตุให้เรือน้ำมันเถื่อนของกลางหาย กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา เราทำตามข้อเท็จจริง ผิดหรือถูกว่ากันในศาล ส่วนตัวสารวัตรนั้นจากการตรวจพบไม่พบว่าเข้าข่ายความผิด 157 ดังกล่าว

“ตำรวจมีหน้าที่รับผิดชอบ เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นอุทาหรณ์ สอนให้ต้องตระหนักต่อหน้าที่ ไม่ใช่ปล่อยปะจนเกิดความเสียหาย ยอมรับว่าเห็นใจ แต่ในเมื่อเราถือกฎหมายเหมือนกัน ถ้าคุณคิดว่าที่เราสั่งงานแล้วไม่ทำ จนทำให้เกิดความเสียหาย ถ้าไม่ดำเนินคดี ภาพรวมของตำรวจก็เสียไปด้วยจึงไม่สามารถปล่อยผ่านได้”

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีตรวจสอบสอบข้อมูลโทรศัพท์มือถือของตำรวจน้ำทั้ง 9 นาย ขณะนี้ตรวจสอบไปแล้วทั้ง 8 เครื่อง ไม่พบความผิดปกติ คงเหลือเพียง 1 เครื่องซึ่งเป็นเครื่องของ ผกก. ที่ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากไฟล์มีขนาดใหญ่ ทางกองปราบฯอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ ยืนยันจะตรวจสอบให้ครบทุกมิติ เพื่อพิสูจน์ทราบให้แน่ชัดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดเรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่มีการดำเนินการวินัยร้ายแรงกับนายตำรวจระดับบน หรือ ผู้บังคับบัญชา แต่กลับเพียงเอาผิดเพียงผู้ใต้บังคับบัญชา สารวัตร กับ ชั้นประทวน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ชี้แจงในส่วนนี้ว่า เราให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ยึดข้อเท็จจริงเป็นหลัก เหตุที่เจ้าหน้าที่ระดับ ผู้การ รองผู้การ ไม่ได้ถูกเอาผิดนั้น เพราะมองว่า ความรับผิดชอบในส่วนของการดูแลเรือของกลางนั้น เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของสารวัตร แต่ไม่ใช่ว่าตำรวจระดับผู้ใหญ่ จะไม่ถูกตรวจสอบ เราตรวจสอบหมด ครอบคลุมทุกมิติ หากพบว่าผิดก็ต้องถูกดำเนินการไม่ต่างกัน

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการออกหมายจับเพิ่มเติม เบื้องต้นได้พูดคุยกับ พ.ต.อ.เอนก  เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ทราบว่า ทั้งในส่วนของคดีเรือน้ำมันเถื่อนของกลางหาย และ คดีขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนนั้น คาดว่าจะสามารถขออำนาจศาลออกหมายจับได้ภายในสัปดาห์นี้ ราวๆ 4-5 ราย ซึ่งผู้ที่จะถูกออกหมายจับทั้ง 2 คดี เบื้องต้นพบว่าเป็นกลุ่มเดียวกัน ยืนยันว่าในจำนวนนี้ มี “เสี่ยโจ้” รวมอยู่ด้วย

“ส่วนเรื่องแชตหลุด เบื้องต้นได้ทำการสอบปากคำนักข่าวที่เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวไว้บางส่วน  รวมถึงสอบปากคำ พ.ต.อ.วรเอก เนตินิยม หนือ ผกก.เน่า เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าคนในแชตเป็นตนเองจริง แต่ขอปฏิเสธเรื่องที่ว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์ ส่วนคู่สนทนาที่แชตด้วยนั้นจากแนวทางสืบสวนเชื่อว่าเป็นเสี่ยโจ้”

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ในส่วนของ “หนุ่มเพชรบุรี” เจ้าหน้าที่ได้พยายามโทรศัพท์ไปหาแต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ รวมถึงส่งหนังสือเชิญตัวมาให้ปากคำแล้วแต่ก็ยังไม่มีการตอบรับ จึงเตรียมส่งเจ้าหน้าที่ไปหายัง อบจ.เพชรบุรี เพื่อสักถามข้อสงสัยให้กระจ่างชัด ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการเรียกรับเงินผลประโยชน์ตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ ทั้งนี้อยากให้เจ้าตัวออกมาพูดความจริงทุกอย่างจะดีกว่า ยิ่งแฉยิ่งดี ตนจะได้ปัดกวาดบ้านตัวเองให้หมด

ส่วนเบาะแสที่ซ่อนตัวของ “เสี่ยโจ้” จากแนวทางสืบสวน ยังเชื่อว่า หลบซ่อนตัวอยู่ในประเทศกัมพูชา ซึ่งหากหมายจับออก ทางชุดคลี่คลายคดีจะเริ่มกระบวนการนำตัวกลับมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุดรอง ผบช.. กล่าวทิ้งท้าย 

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo