COVID-19

เจาะลึกโอไมครอน 3 สายพันธุ์ย่อย ต้นแบบผลิตวัคซีนฤดูกาล 2567/2568

เจาะลึกสายพันธุ์ย่อยของโอไมครอน KP.2, LB.1 และ KP.3 ต้นแบบผลิตวัคซีนหลักในการป้องกันโควิด-19 สำหรับฤดูกาล 2567/2568

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics  เทียบโอไมครอน 3 สายพันธุ์ย่อย ที่เป็นต้นแบบผลิตวัคซีนฤดูกาล 2567/2568 โดยระบุว่า

ต้นแบบผลิตวัคซีน

ในช่วงที่ผ่านมา เราได้ยินข่าวเกี่ยวกับสายพันธุ์ย่อยของโอไมครอนหลายตัว เช่น KP.2, LB.1 และ KP.3 ซึ่งมีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า FLiRT (เฟลิร์ท), deFLiRT (ดีเฟลิร์ท) และ FLuQE (ฟลุ๊ค) ตามลำดับ แต่ละสายพันธุ์มีความแตกต่างกันอย่างไร และเราควรกังวลกับสายพันธุ์เหล่านี้หรือไม่? มาทำความเข้าใจกัน

จากข้อมูลการประมาณการสัดส่วนของสายพันธุ์โควิด-19 ในสหรัฐ ช่วง 2 สัปดาห์ระหว่างวันที่ 26 พฤษภาคม ถึง 8 มิถุนายน 2024 พบว่าสายพันธุ์ที่มีสัดส่วนสูงสุดคือ โอไมครอน KP.3 (25.0%), ตามมาด้วย โอไมครอน KP.2 (22.5%) และ โอไมครอน LB.1 (14.9%)

โดยสรุป สายพันธุ์ KP.3, KP.2 และ LB.1 ของโอไมครอนเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในสหรัฐ ช่วงนี้

111

KP.2 (FLiRT)

มีการแพร่กระจายเร็วและหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้ มาจากการกลายพันธุ์

  • F456L: การกลายพันธุ์ซึ่งกรดอะมิโนฟีนิลอะลานีน (F) ถูกแทนที่ด้วยลิวซีน (L) ที่ตำแหน่ง 456 ในโปรตีนหนาม
  • R346T: การกลายพันธุ์ซึ่งกรดอะมิโนอาร์จินีน (R) ถูกแทนที่ด้วยทรีโอนีน (T) ที่ตำแหน่ง 346 ในโปรตีนหนาม

ทั้งนี้ ช่วยให้ไวรัสหลบหลีกภูมิคุ้มกันและแพร่กระจายได้ดีกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้า KP.2 พบว่ามีส่วนทำให้เกิดผู้ป่วยจำนวนมากในหลายประเทศ

LB.1 (deFLiRT)

หลบหลีกภูมิคุ้มกันได้แม้จะฉีดวัคซีนหรือเคยติดเชื้อมาก่อน มีลักษณะสำคัญคือการกลายพันธุ์ต่อไปนี้

  • S31del: การลบกรดอะมิโนเซรีน (S) ที่ตำแหน่ง 31 ในโปรตีนหนาม
  • R346T: การกลายพันธุ์เดียวกับที่พบในสายพันธุ์ FLiRT
  • F456L: พบในสายพันธุ์ FLiRT เช่นกัน

LB.1 มีความน่าเป็นห่วงเป็นพิเศษ เนื่องจากมีการกลายพันธุ์ S31del, R346T และ F456L ที่ทำให้ไวรัสหลบหลีกแอนติบอดีที่สร้างจากการฉีดวัคซีนหรือติดเชื้อครั้งก่อนได้

นั่นหมายความว่า แม้คนที่ฉีดวัคซีนหรือเคยติดเชื้อมาก่อน ก็อาจจะติดเชื้อ LB.1 ได้อีก

ที่น่าสนใจคือ ทั่วโลกพบว่า LB.1 มีความได้เปรียบในการเติบโตและแพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่าสายพันธุ์โอไมครอน JN.1 ประมาณ 99% และเหนือกว่า KP.2 ประมาณ 33% แม้ LB.1 จะมีความได้เปรียบเหนือ KP.3 เพียง 5% แต่ก็ถือว่าน่ากังวล

KP.3 (FLuQE)

ติดง่ายและหลบหลีกภูมิคุ้มกันเก่ง ลักษณะสำคัญคือการกลายพันธุ์ต่อไปนี้

  • F456L: การกลายพันธุ์เดียวกับที่พบในสายพันธุ์ FLiRT และ deFLiRT
  • Q493E: การกลายพันธุ์ซึ่งกรดอะมิโนกลูตามีน (Q) ถูกแทนที่ด้วยกลูตามิคแอซิด (E) ที่ตำแหน่ง 493 ในโปรตีนหนาม ช่วยเพิ่มความสามารถในการเกาะติดกับเซลล์มนุษย์ผ่านตัวรับ ACE2 ทำให้มีการแพร่กระจายได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ KP.3 ยังหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย จึงเป็นสายพันธุ์ที่น่าเป็นห่วงมาก โดยปัจจุบันพบว่ามีสัดส่วนสูงสุดถึง 25% ในสหรัฐ

333สหรัฐ

สถานการณ์ในประเทศไทย

ในประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ JN.1 มากที่สุดประมาณ 268 ราย ตามมาด้วย KP.2 ประมาณ 33 ราย, KP.3 ประมาณ 14 ราย และ LB.1 ประมาณ 8 ราย แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะไม่สูงมากนัก แต่ควรเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสายพันธุ์เหล่านี้ โดยเฉพาะ LB.1 มีความสามารถในการแพร่ระบาดและหลบหลีกภูมิคุ้มกันสูง

ความก้าวหน้าในการพัฒนาวัคซีน

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA), องค์การอนามัยโลก (WHO) และสำนักงานยาแห่งยุโรป (EMA) กำลังคัดเลือก 1 ใน 3 สายพันธุ์โอไมครอน KP.2 (FLiRT), LB.1 (deFLiRT) และ KP.3 (FLuQE) เพื่อมาใช้เป็นต้นแบบผลิตวัคซีนหลักในการป้องกันโควิด-19 สำหรับฤดูกาล 2567/2568 (monovalent or bivalent mRNA vaccine)

วัคซีนนี้ถือเป็นความก้าวหน้าสำคัญในการต่อสู้กับการกลายพันธุ์ของไวรัส และมีบทบาทสำคัญในการชะลอการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก

โดยสรุป

การกลายพันธุ์ของไวรัสเป็นเรื่องปกติ แต่บางครั้งอาจทำให้ไวรัสมีความสามารถเพิ่มขึ้น เช่น แพร่กระจายได้ดีขึ้น หรือหลบหลีกภูมิคุ้มกันของเราได้ ซึ่งอาจส่งผลให้การระบาดยืดเยื้อหรือมีผู้ป่วยมากขึ้น

สิ่งสำคัญคือ เราต้องติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนสายพันธุ์ต่าง ๆ และปฏิบัติตามคำแนะนำของบุคลากรทางการแพทย์ เช่น การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น การสวมหน้ากากอนามัย และหลีกเลี่ยงสถานที่แออัด เพื่อป้องกันตัวเราและคนรอบข้างจากการติดเชื้อ

แม้เราจะยังมีความกังวลเกี่ยวกับสายพันธุ์ใหม่ ๆ แต่วิทยาศาสตร์ก็ก้าวหน้าไปมากในการทำความเข้าใจและรับมือกับไวรัสชนิดนี้ การถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสโคโรนา 2019 ที่กลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้เราเท่าทันไวรัส การพัฒนาวัคซีนหรือยาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพต่อสายพันธุ์ใหม่ ๆ

ถือเป็นความหวังสำคัญในการต่อสู้กับโควิด-19 ซึ่งทั่วโลกต้องร่วมมือกันเพื่อฝ่าฟันวิกฤตนี้ไปด้วยกัน และหวังว่ามนุษย์จะสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนเมื่อก่อน 2562 ในเร็ววัน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo