Politics

คาด 13 ต.ค. ‘ทักษิณ’ พ้นโทษ!! ไม่ต้องติดกำไล เงื่อนไขห้ามยุ่งการเมือง

ย้ำ “ทักษิณ” ต้องรับโทษ 1 ใน 3 ของโทษที่ได้พระราชอภัยโทษ 1 ปี และเข้ารายงานตัวรายเดือน แต่อาจพ้นโทษ ได้รับการปล่อยตัวทันที หากมีพระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษในวาระสำคัญ 13 ตุลาคม หรือ วันที่ 5 ธันวาคม

จากกรณีเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชทานอภัยลดโทษ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากโทษจำคุก ใน 3 คดี จำนวน 8 ปี ลดเหลือรับโทษเพียง 1 ปี เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป

ทักษิณ

อีกทั้งในกรณีอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ต้องขังสูงวัยพร้อมกับมีอาการเจ็บป่วย 4 โรคเรื้อรังและยังอยู่ระหว่างการนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ เป็นเหตุให้อาจเข้าข่ายเกณฑ์ผู้ต้องขังสูงวัย ที่จะได้รับการพิจารณาพักการลงโทษนั้น

วันนี้ (3 ก.ย.) ไทยรัฐ ออนไลน์ รายงานอ้างแหล่งข่าวระดับสูงของกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า กรณีของนายทักษิณ เป็นผู้ต้องขังสูงวัย และมีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง อาจเข้าเกณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่งตามกฎกระทรวง แห่ง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 คือ อาจจะต้องรับโทษอย่างน้อย 1 ใน 3

ดังนั้น หากนายทักษิณ ผ่านหลักเกณฑ์ ก็จะเหลือโทษ 1 ใน 3 ของ 1 ปี และหากได้รับการพักการลงโทษ ก็จะเป็นไปตามขั้นตอน คือ ราชทัณฑ์นำตัวไปรายงานต่อเจ้าพนักงานคุมประพฤติ ภายใน 3 วัน เพื่อกำหนดนัดหมายวันเวลาสำหรับการรายงานตัวรายเดือน

ส่วนเรื่องการติด หรือไม่ได้ติดกำไล (EM) ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานคุมประพฤติ แต่ในกรณีของนายทักษิณ เป็นผู้ต้องขังสูงวัยที่ป่วยรุมเร้าด้วย 4 โรคเรื้อรัง และยังเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และสำนึกในการกระทำความผิด เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี จึงเป็นไปได้ว่า จะไม่เข้าข่ายต้องติดกำไล EM แต่อาจจะพ่วงเงื่อนไขไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับงานการเมืองใด ๆ

ทักษิณ

อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้ที่นายทักษิณจะพ้นโทษ และได้รับการปล่อยตัวทันที คือ กรณีมีพระราชกฤษฎีกาประกาศลงราชกิจจานุเบกษา โดยการพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป ในวาระโอกาสสำคัญ เช่น วันที่ 13 ตุลาคม หรือวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งจะต้องดูรายละเอียดแนบท้ายด้วยว่า มีสาระเนื้อหาการยกเว้นอื่นใดหรือไม่ แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องของพระราชอำนาจ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo