Politics

‘ศิริกัญญา’ ผ่างบปี 68 ลั่นรัฐบาลโนสนโนแคร์ เพื่อดิจิทัลวอลเล็ตนโยบายเดียว!

“ศิริกัญญา” ผ่างบประมาณปี 2568 ลั่นรัฐบาลโนสนโนแคร์ ทำลายสถิติใหม่ทางการคลังหลายตัว เพื่อดิจิทัลวอลเล็ตนโยบายเดียว!

นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ลุกขึ้นอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท โดยระบุว่า การจัดสรรงบประมาณปี 2568 ทำให้ประเทศไทยทำลายสถิติใหม่ทางการคลังหลายตัว นอกเหนือจากที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงไปเมื่อเช้าแล้ว ว่ารายจ่ายลงทุนต่องบประมาณของประเทศไทยสูงที่สุดในรอบ 17 ปี แต่การตั้งงบขาดดุล หรือการกู้ขาดดุลต่อจีดีพีก็สูงที่สุดในรอบ 36 ปีเช่นเดียวกัน

ศิริกัญญา

“ซึ่งคือการกู้เพื่อนำมาใช้จ่ายในแต่ละปี แต่เมื่อเทียบกับจีดีพีหรือความสามารถในการหารายได้ กลับมีการกู้สูงถึง 4.5% ของจีดีพี อีกทั้งยังย้อนกลับไปกู้เงินของปี 67 อีก 4.3% หมายความว่า 2 ปีแล้วที่เรากู้เพื่อชดเชยรายจ่ายที่มากกว่ารายได้ของเราสูงถึง 4%” นางสาวศิริกัญญา กล่าว

นางสาวศิริกัญญา ยืนยันว่า เราไม่เคยต้องทำแบบนี้มาก่อน เป็นความกล้าหาญมาก แม้จะมีหลายปีที่เกิดวิกฤติ และทำให้เราต้องกู้ขาดดุล แต่การวางแผนงบประมาณในปีปกติ เราไม่เคยกู้มากมายขนาดนี้มาก่อน รัฐบาลเองก็ดูจะเหมือนเริ่มเสพติดกับการขาดดุลแล้ว เพราะมีการกู้เต็มเพดานทุกปี ตั้งแต่ปี 2557

“ปัญหาคือพอเราใช้จ่ายเงินเกินตัว แต่หาเงินไม่ทัน มันจะทำให้ชีวิตเราเสี่ยง รอบนี้เราไม่ได้เสี่ยงแค่คน ๆ เดียว เพราะรัฐบาลนี้ที่ใช้เงินมือเติมแบบนี้ ท่านกำลังพาประเทศไปเสี่ยงด้วย การกู้จนเต็มเพดานแบบนี้ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือเกิดเหตุการณ์ที่เราไม่คาดฝันขึ้น เราจะไม่เหลือพื้นที่ ไม่เหลืองบประมาณที่จะไปรองรับสถานการณ์เช่นนั้นได้เลย สิ่งที่รัฐบาลทำคือโนสนโนแคร์ ว่าจะทำให้ประเทศอยู่ในภาวะเสี่ยง เพียงเพื่อทำให้มีเงินมากพอที่จะไปทำโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ตโครงการเดียว” นางสาวศิริกัญญา กล่าว

ศิริกัญญา

ขณะที่หนี้สาธารณะต่อจีดีพีสูงที่สุดในรอบ 29 ปี ซึ่งหากมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปีแบบนี้ ในปี 2570 อาจจะพุ่ง สูงถึง 68.7% ปี 2570 สุดท้ายของรัฐบาล คือการพยายามส่งมอบหนี้สาธารณะก้อนใหญ่ที่เกือบจะเต็มเพดานนี้ให้กับรัฐบาลต่อไป แบบนี้มีความรับผิดชอบทางการคลังหรือไม่ นี่คือผลที่รัฐบาลกู้ชดเชยขาดดุลเต็มเพดาน 2 ปีติด ที่พาเรามาถึงจุดนี้ จุดที่แม้ว่าประเทศจะไม่ได้เจอวิกฤติเศรษฐกิจอะไรเลย เราก็อาจจะจำเป็นที่จะต้องขยายเพดานหนี้สาธารณะกันอีกครั้ง จาก 70% เป็นเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ซึ่งก็อาจจะเอาไม่อยู่แล้ว เพียงเพื่อโครงการดิจิทัลวอลเล็ตโครงการเดียว

ขณะที่สัดส่วนดอกเบี้ยต่อรายได้สูงที่สุดในรอบ 14 ปี ที่ดูเหมือนจะทำสถิติใหม่ไปเรื่อยๆ ทุกปี ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเลย เพราะสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จะไปเบียดบังงบประมาณในส่วนอื่น ๆ ปีต่อ ๆ ไป เงินที่จะใช้พัฒนาประเทศในโครงการอื่น ก็จะน้อยลงไปเรื่อย ๆ เพราะจำเป็นที่จะต้องมานั่งรับภาระดอกเบี้ย เป็นไปอย่างที่ สส.ฝ่ายรัฐบาล ได้พูดไว้ว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตไม่ได้ทำแค่ครั้งเดียวแล้วจะจบ เพราะผลกระทบในเชิงลบจะอยู่กับเราไปยาวๆ ลองคิดดูว่า เก็บภาษีเก็บรายได้ได้เท่าไหร่ ก็ต้องเอาไปจ่ายดอกเบี้ยแล้วกว่า 10%

“5 ตัวชี้วัดทางการคลัง ที่งบประมาณปี 2568 ได้ทำลายสถิติลงไปอย่างสวยงาม อยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลังทุกประการ ไม่มีอะไรผิดพลาด แต่ถ้ามีการเกิดขึ้นหลายตัวหลายแหล่งพร้อมกันแบบนี้ ไต่เส้นไต่ขอบไปหมดทุกตัวแบบนี้ มันคือภาวะความเสี่ยงที่จะทำให้ประเทศไม่มีความพร้อม เหมือนคนภูมิคุ้มกันไม่ดี หรือไม่มีภูมิกัน พอมีอะไรมากระทบหน่อยหนึ่ง ก็เจ็บป่วยรุนแรง อาจจะไม่ได้เกิดผลกระทบทันที แต่ประเทศที่ดีต้องมีการเตรียมความพร้อมรับความเสี่ยงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น” นางสาวศิริกัญญา กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

 

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK