ผู้ถือหุ้นต้องรู้อะไรบ้าง เมื่อ “TIDLOR” เตรียมปรับโครงสร้างองค์กรตั้งบริษัทใหม่เป็น”ติดล้อ โฮลดิ้งส์”
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567 บริษัท เงินติดล้อ จํากัด (มหาชน) หรือหุ้น TIDLOR ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยขอยื่นคำขอถอนหุ้น ของบริษัทออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งได้รับการอนุมัตจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว
เหตุผลของการ Delist ตัวเองออกจากตลาดของ TIDLOR เนื่องจากบริษัทมีแผนที่จะปรับโครงสร้างองค์กร โดยการจัดตั้งบริษัทใหม่คือ บริษัท ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จํากัด (มหาชน) “ติดล้อ โฮลดิ้งส์” เพื่อประกอบธุรกิจเป็นบริษัทลงทุน (Holding Company) และนำเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นแทน
ข้อดีของการนำ Holding Company เข้าตลาดหุ้นเพียงบริษัทเดียว ได้แก่ ลดความสับสนของนักลงทุนจากการจ่ายหุ้นปันผลและเกี่ยวกับมูลค่ากิจการ, เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน, เพิ่มความคล่องตัวในการขยายธุรกิจ, เพิ่มศักยภาพในการบริหารธุรกิจและดึงดูดบุคลากรที่มีความรู้ความชํานาญตรงตามความต้องการของธุรกิจ, เพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นของโครงสร้างการจัดการขององค์กรให้เหมาะสม, ให้มีการแบ่งแยกการกํากับดูแล และการบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจอย่างชัดเจน และโอกาสในการลดภาระทางภาษีในส่วนของผู้ถือหุ้น อันเนื่องมาจากการจ่ายหุ้นปันผล
บริษัทแจ้งว่า นักลงทุนที่ถือหุ้น TIDLOR อยู่ในปัจจุบัน จะสามารถนำหุ้นเดิมที่มีไปแลกเป็นหุ้นตัวใหม่ได้ ด้วยอัตราส่วน 1 หุ้น TIDLOR ต่อ 1 หุ้นใหม่ของ ติดล้อ โฮลดิ้งส์ โดยจะดำเนินการแจ้งระยะเวลาในการทำคำเสนอซื้อ (Tender Offer) ให้ผู้ถือหุ้นรับทราบต่อไป
นอกจากนี้ ภายหลังจากที่หุ้นสามัญของ ติดล้อ โฮลดิ้งส์ ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว TIDLOR จะโอนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยในรูปแบบ InsurTech ของบริษัท ให้แก่บริษัทใหม่ที่จะถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยในรูปแบบ InsurTech ในอนาคต โดยภายในวันทำการถัดจากวันที่การโอนธุรกิจดังกล่าวแล้วเสร็จ ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จะเข้าซื้อหุ้นในบริษัทใหม่ดังกล่าวในสัดส่วน 99.99%
ข่าวนี้ถือเป็นประเด็นสำคัญที่นักลงทุนทุกคนควรทราบ โดยเฉพาะผู้ที่ถือหุ้น TIDLOR เนื่องจากจะมีผลกระทบต่อการลงทุน และการกำหนดกลยุทธ์ของนักลงทุนในอนาคต
สิ่งที่นักลงทุนควรรู้เมื่อหุ้นจะ Delist คือการเปลี่ยนแปลงของราคาที่อาจจะมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะในช่วงใกล้ Delist เพราะว่าหลังจากนี้หุ้นของบริษัทจะต้องซื้อขายในตลาดนอกตลาดหลักทรัพย์ (OTC) อีกทั้งยังมีเรื่องของสภาพคล่องของหุ้นที่อาจลดลงได้ เนื่องจากการซื้อขายจะไม่เป็นทางการและมีปริมาณการซื้อขายน้อยลง
ดังนั้น ทางเลือกของนักลงทุนที่มีหุ้น TIDLOR คือการติดตามเงื่อนไขการแลกหุ้น ซึ่งประกาศออกมาแล้วว่าเป็นอัตราส่วน 1:1 คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 และต้องอย่าลืมพิจารณามูลค่าที่จะได้รับหลังจากการแลกหุ้นด้วย
ที่สำคัญก็คือการแลกหุ้นนั้นอาจมีเวลาจำกัด นักลงทุนควรติดตามกำหนดเวลาอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการดำเนินการแลกหุ้น เพราะหากผู้ถือหุ้นเดิมไม่แลกหุ้นใหม่ แปลว่าเราจะติดกับบริษัทเดิมไปตลอดชีวิต ไม่สามารถขายในตลาดได้ จะเปลี่ยนมือต้องหาคนซื้อคนขายกันเอง
สำหรับหุ้น TIDLOR เข้า IPO มาตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2564 ด้วยราคาเสนอขายครั้งแรก 36.50 บาทต่อหุ้น เป็นบริษัทที่ประกอบให้บริการสินเชื่อ ให้บริการเช่าซื้อ และให้บริการนายหน้าประกันวินาศภัย นายหน้าประกันชีวิต และบริการที่เกี่ยวเนี่องอื่นๆ
ราคาหุ้นปัจจุบัน (13 มิ.ย. 67) อยู่ที่ 19 บาทต่อหุ้น ลดลงเกือบ 50% จากราคา IPO โดยมีมูลค่า Market Cap. ที่ 55,065 ล้านบาท และ P/E ระดับ 13.98 เท่า
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายนี้เชื่อว่าการเปลี่ยนเป็น Holding Company น่าจะช่วยให้บริษัทมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น มีโอกาสที่จะขยายการเติบโตชัดเจนขึ้น จะสะท้อนออกมากับราคาหุ้นในอนาคต
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กลยุทธ์การลงทุน ‘SCGP’ โมเมนตัมเป็นบวก
- เคลียร์ข้อสงสัย! ห้ามคนไทยซื้อหุ้นผ่าน ‘NVDR’ เพราะอะไร?
- 10 เรื่อง ‘โอ้กะจู๋’ จากสวนผักเชียงใหม่ สู่ร้านอาหารสุขภาพที่เติบโต เตรียมเข้า IPO
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg