Finance

‘กรุงไทย’ คาด ‘กนง.’ มีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง สู่ระดับ 2.25% ช่วงปลายปีนี้

“กรุงไทย” คาด “กนง.” มีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง สู่ระดับ 2.25% ช่วงปลายปี 2566 ส่วนการประชุมครั้งถัดไป คาด “คงดอกเบี้ย” ระดับเดิม!

Krungthai COMPASS ออกบทวิเคราะห์เรื่องอัตราดอกเบี้ยของไทย ในอนาคต หลังจาก กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.75% เป็น 2.00% ต่อปี ในการประชุมครั้งที่ 3/2566 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนเป็นสำคัญ ประเมินว่าเศรษฐกิจในปี 2566 และ 2567 มีแนวโน้มขยายตัวได้ที่ 3.6% และ 3.8% ตามลำดับ จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มเข้ามาถึง 29 ล้านคน และ 35.5 ล้านคน ตามลำดับ

กนง.

เงินเฟ้อมีแนวโน้มทยอยปรับลดลง

โดยสนับสนุนการจ้างงานและรายได้แรงงาน และจะเป็นแรงส่งไปยังการบริโภคภาคเอกชน สำหรับการส่งออกทยอยฟื้นตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้และมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีขึ้นในระยะต่อไป อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจและการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลักที่ยังมีความไม่แน่นอน

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มทยอยปรับลดลง คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2566 และ 2567 จะอยู่ที่ 2.5% และ 2.4% ตามลำดับ จากค่าไฟฟ้าและราคาน้ำมันที่ทยอยคลี่คลาย ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลงเข้าสู่กรอบเป้าหมาย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มทรงตัวที่ 2.0% ในปี 2566 และ 2567 ซึ่งอยู่ในระดับสูงเทียบกับอดีต อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อมีความเสี่ยงด้านสูงจากแรงกดดันด้านอุปสงค์จากเศรษฐกิจขยายตัวดี และการส่งผ่านต้นทุนผู้ประกอบการอาจปรับสูงขึ้นจากแรงกดดันด้านอุปทาน

กนง.

ควรปรับโครงสร้างหนี้ต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ควรดำเนินการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเห็นความสำคัญของการมีมาตรการเฉพาะจุดและแนวทางแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนสำหรับกลุ่มเปราะบาง แม้ว่าความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนปรับดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ฐานะการเงินของผู้ประกอบการ SMEs และครัวเรือนบางส่วนยังเปราะบางและอ่อนไหวต่อค่าครองชีพและภาระหนี้ที่สูงขึ้น

ด้านธนาคารพาณิชย์มีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองที่เข้มแข็งภาวะการเงินตึงตัวขึ้นสอดคล้องกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนปรับสูงขึ้น แต่ยังไม่เป็นอุปสรรคต่อการระดมทุนของภาคเอกชนและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์ ปรับอ่อนค่าจากทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ การอ่อนค่าของเงินหยวน และความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทย

กนง.

คงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป

ทั้งนี้ Krungthai COMPASS คาดว่า กนง. มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป กนง. ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายติดต่อกัน 6 ครั้ง จากระดับ 0.50% สู่ระดับ 2.0% ต่อปี เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่อยู่สูงกว่ากรอบเป้าหมายและสูงสุดในรอบ 14 ปี

อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อทั่วไปได้ชะลอลงต่อเนื่อง โดยล่าสุดอยู่ที่ระดับ 2.67% ในเดือนเมษายน 2566 และคาดว่าในระยะข้างหน้าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ต่ำกว่ากรอบบนของเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 3% สอดคล้องกับมุมมองของ กนง. ล่าสุดที่มองว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้จะอยู่ที่ 2.5% จึงสะท้อนแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ทยอยลดลงและอาจเป็นปัจจัยหนุนให้ กนง. คงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนสิงหาคม เพื่อรอดูความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาล และนโยบายทางเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า

กนง.

มีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง

อย่างไรก็ดี ประเมินว่า อัตราดอกเบี้ยขาขึ้นยังไม่สิ้นสุด แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะมีแนวโน้มลดลง แต่ กนง. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 2.0% ในปี 2566 และ 2567 ซึ่งเรามองว่า กนง. จะให้ความสำคัญกับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมากขึ้นเนื่องจากสะท้อนสัดส่วนราคาที่ผู้บริโภคใช้จ่ายถึง 67.1% ของตะกร้าเงินเฟ้อ

นอกจากนี้ กนง. กล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อมีความเสี่ยงด้านสูงจากแรงหนุนด้านอุปสงค์ตามเศรษฐกิจที่ขยายตัวดี และการส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการที่อาจเพิ่มขึ้นจากแรงกดดันด้านอุปทาน ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐในระยะข้างหน้า อีกทั้งเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงด้านสูงเช่นกัน จึงเป็นไปได้ว่าหากการจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปอย่างเรียบร้อย กนง. มีโอกาสปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้ง สู่ระดับ 2.25% ต่อปี ในช่วงปลายปี 2566

กนง.

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK