ปลัดมหาดไทย ประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้หนี้นอกระบบ เดินหน้าเลิก “ทาสยุคใหม่” แบ่งลูกหนี้ออกเป็น 4 กลุ่ม อัดมิติยาฝรั่ง แก้ปัญหาเร่งด่วน ตามด้วยยาไทย แก้ปัญหาระยะยาว
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ครั้งที่ 1/2567 โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม อาทิ กรมการปกครอง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงแรงงาน
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า การแก้หนี้นอกระบบเป็นความตั้งใจอันแน่วแน่ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่เล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนจากการเป็นหนี้สินนอกระบบ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็น ทาสยุคใหม่ ที่ต้องรับภาระชำระหนี้อัตราดอกเบี้ยสูงเกินกว่าที่จะสามารถรับผิดชอบได้ อันส่งผลกระทบถึงความมั่นคงของครอบครัว ความสงบเรียบร้อยของสังคม
ดังนั้น จึงเป็นที่มาของการประกาศให้ ปัญหาหนี้นอกระบบเป็น วาระแห่งชาติ และเดินหน้า Kick off แก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อแสดงให้เห็นถึงเจตนาอันมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนอย่างจริงจัง เพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ สร้างความเข้มแข็งและความสุขให้กับพี่น้องคนไทยในระดับครอบครัวควบคู่กับการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ รวมถึงผู้อำนวยการเขตของกรุงเทพมหานคร ได้บูรณาการประสานการทำงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบตามอำนาจหน้าที่ให้ประสบความสำเร็จ
สำหรับการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ได้รับทราบถึงมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566 เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบ ได้มีมติเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบของธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม 1.5 หมื่นล้านบาท (แห่งละ 7,500 ล้านบาท) วงเงินสินเชื่อต่อรายไม่เกินรายละ 2 หมื่นบาท พร้อมด้วยบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด ที่เกิดจากการร่วมทุนของธนาคารออมสิน เพื่อให้บริการขายฝากหรือให้สินเชื่อจดจำนองที่ดินอย่างเป็นธรรม
แบ่งลูกหนี้ 4 กลุ่มแก้หนี้นอกระบบ
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้กำหนดแนวทางการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยกำหนดกลุ่มบุคคลผู้ลงทะเบียนเพื่อแก้ไขปัญหาตามลำดับโดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ
1. กลุ่มผู้ลงทะเบียนและมีความประสงค์จะไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท ซึ่งกลุ่มนี้จะปรากฏข้อมูลเจ้าหนี้และลูกหนี้ครบถ้วน ที่ประชุมจึงได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทให้ครบถ้วน 100%
2. กลุ่มผู้ลงทะเบียนและมีความประสงค์จะไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท แต่ไม่มีข้อมูลเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ ประมาณ 3 หมื่นราย ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ช่วยตรวจสอบกลุ่มดังกล่าว จากข้อมูลของสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง เพราะบางกรณีลูกหนี้ไม่สามารถทราบชื่อจริง นามสกุลจริงของบุคคลที่ได้กู้ยืมหนี้สินมา
3. กลุ่มผู้ลงทะเบียนและมีความประสงค์จะไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท ซึ่งมีรายละเอียดการลงทะเบียน แต่มีข้อมูลของลูกหนี้และเจ้าหนี้ไม่ครบถ้วน ซึ่งในส่วนนี้ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้ กรมการปกครองได้สั่งการให้นายอำเภอ เร่งสำรวจข้อมูลเพิ่มเติมให้ครบถ้วน ภายใน 15 วัน
4. กลุ่มผู้ลงทะเบียนไม่มีความประสงค์ไกล่เกลี่ย แต่มีความประสงค์จะให้ภาครัฐจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำและอาชีพเสริม ซึ่งที่ประชุมได้มีมติให้บุคคลในกลุ่มนี้ได้ลงทะเบียนเพื่อการไกล่เกลี่ยก่อน แล้วภาครัฐจะจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อให้ความช่วยเหลือ
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ ในวันนี้ ยังได้มีมติให้มีการบูรณาการความต้องการของแต่ละหน่วยงานในการแลกเปลี่ยน เชื่อมโยง และส่งต่อข้อมูลในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบจากฐานข้อมูลของกระทรวงมหาดไทย ไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง รวมถึงเชื่อมโยงไปยังสถาบันการเงิน และกระทรวงแรงงาน
พร้อมกันนี้ ได้พิจารณาเสนอแต่งตั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อคณะกรรมการกำกับการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ เพื่อแต่งตั้งเป็นคณะอนุกรรมการฯ เพิ่มเติม ได้แก่ ปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้แทนสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน สำนักงานอัยการสูงสุด ผู้แทนธนาคารออมสิน และผู้แทนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ขณะนี้เป็นการแก้ไขในชั้นต้น หรือเรียกว่า มิติยาฝรั่ง ซึ่งกระทรวงมหาดไทยมิได้มองแค่ในส่วนของการแก้ไขหนี้เพียงอย่างเดียว แต่เรายังมองถึงการแก้ไขปัญหาในระยะยาว คือ มิติยาไทย ด้วยการทำให้ประชาชนมีรายได้มากขึ้น ส่งเสริมความเข้มแข็งในการดำรงชีพ การหารายได้ ลดรายจ่าย สร้างความมั่นคงทางอาหาร อาทิ การเลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา เลี้ยงกบ
ทั้งนี้ ได้น้อมนำพระราชดำริเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง ด้วยการปลูกพืชผักสวนครัว พืชสมุนไพร ไว้บริเวณรอบบ้าน เพื่อเป็นอาหารประจำครัวเรือน รวมไปถึงการช่วยกันสวมใส่ผ้าไทยเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้ช่างทอผ้าและครอบครัวได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้จากหลายทางมากยิ่งขึ้น
ทั้งหมดนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้พี่น้องประชาชนที่เคยเป็นหนี้สินนอกระบบกลับไปเป็น ทาสยุคใหม่ หรือเข้าไปสู่วงเวียนแห่งความทุกข์ยากอีกตลอดไปอย่างยั่งยืน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- สรุปยอดลงทะเบียนแก้หนี้ 46 วันกว่า 1.28 แสนราย สั่งอำเภอจัด ‘ตลาดนัดแก้หนี้’ ทุกสัปดาห์
- ลงทะเบียนแก้หนี้ 45 วัน ยอดหนี้ 8,189 ล้าน ‘ตลาดนัดแก้หนี้’ วันแรก ลูกหนี้-เจ้าหนี้เข้าร่วมกว่า 6 พันราย
- Kick off ‘ตลาดนัดแก้หนี้’ เปิดพื้นที่ให้ลูกหนี้-เจ้าหนี้-สถาบันการเงิน ไกล่เกลี่ยพร้อมกันทั่วประเทศ 14 ม.ค.
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- Twitter: https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg