Finance

YLG มองราคาทองคำครึ่งปีหลังยังเป็นขาขึ้น คงเป้าหมายที่ 2,500 ดอลลาร์

YLG มองราคาทองคำครึ่งปีหลังยังเป็นขาขึ้น คงเป้าหมาย 2,500 ดอลลาร์ รับปัจจัยบวก 4 ปัจจัยต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก หลังทองบวกกว่า 11%

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ราคาทองคำในครึ่งปีแรกนับจากต้นปีถึงวันที่ 27 มิถุนายน 2567 ณ เวลา 12.00 น. ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 11.5% YTD ส่วนราคาทองคำแท่ง96.5% ในประเทศ ปรับตัวขึ้นมามากถึง 19.6% YTD

ราคาทองคำครึ่งปีหลัง

โดยราคาทองคำต่างประเทศได้ทำจุดสูงสุดที่ 2,450 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ อย่างไรก็ดี แม้ว่าในเดือนมิถุนายนจะเริ่มแกว่งตัวปรับฐานลงมาบ้าง แต่ยังถือว่าเคลื่อนไหวอยู่ในระดับราคาที่ค่อนข้างสูงและคาดครึ่งปีหลัง แนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคาทองคำจะยังคงรักษาทิศทางการเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ต่อเนื่อง โดยมาจากปัจจัยบวกดังนี้

  • ปัจจัยด้านแนวโน้มดอกเบี้ยที่ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งปัจจัยนี้ได้ส่งผลบวกต่อราคาทองคำมาตั้งแต่ต้นปี ถึงแม้ว่าเฟดจะเลื่อนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกไป แต่หากในครึ่งปีหลังเฟดทำการปรับลดดอกเบี้ยได้จริง 25 bps จำนวน 1 ครั้ง สอดคล้องกับที่ส่งสัญญาณใน Dot Plot จะเป็น Sentiment เชิงบวกต่อทองคำ และหากสามารถปรับลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง ดังความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดจำนวนหนึ่ง ทองคำก็จะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่
  • ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ ถึงแม้ประเด็นนี้จะไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่ความขัดแย้งในหลายๆพื้นที่ของโลกในปีนี้ก็ยังมีความยืดเยื้อ ทั้งจากโซนตะวันออกกลาง ซึ่งล่าสุดกลุ่มฮิสบอลเลาะห์ได้ตอบโต้ใส่อิสราเอล, รัสเซีย-ยูเครน รวมถึงเกาหลีเหนือที่ “คิม จอง อึน” ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้ทำสนธิสัญญากับ “วลาดิมีร์ ปูติน” ผู้นำรัสเซีย ข้อตกลงทางทหารเพื่อปกป้อง หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกโจมตี อีกทั้งยังมีการเลือกตั้งสหรัฐ (US Elections) ภาพดังกล่าว ทำให้ทองคำจะยังได้รับแรงซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ต่อในครึ่งปีหลัง

ราคาทองคำครึ่งปีหลัง

  • ธนาคารกลางทั่วโลกสะสมทองคำต่อเนื่อง แม้ในช่วงเดือน มิถุนายน จะมีข่าวธนาคารกลางจีนได้หยุดซื้อทองคำหลังจากที่ทำการซื้อต่อเนื่อง 18 เดือน ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความกังวลในระยะสั้น อย่างไรก็ดีประเด็นนี้อาจจะเกิดขึ้นแค่ระยะสั้น เนื่องจากธนาคารกลางจีนเพียงแค่ชะลอการเข้าซื้อในช่วงราคา All Time High โดยไม่มีการเทขายแต่อย่างใด ขณะที่หลายประเทศทั่วโลกยังคงเดินหน้าซื้อทองคำต่อไปตามแผนกลยุทธ์ในระยะยาว เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศเพื่อลดความเสี่ยงจากการถือครองดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางกระแส De-Dollarization ปัจจัยนี้จึงจะยังคงส่งผลดีต่อทองคำในระยะยาว
  • ปัจจัยด้านเทคโนโลยีที่ส่งผลให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงทองคำง่ายขึ้น การพัฒนาของโลกดิจิทัล ส่งผลให้ทองคำสามารถซื้อขายแบบออนไลน์ในปริมาณหน่วยที่เล็กลง เช่น การซื้อทองคำออนไลน์ได้ตั้งแต่ครั้งละ 100 บาท และสามารถทำการขายได้ทันทีเมื่อมีกำไร ส่งผลให้คนรุ่นใหม่หันมากระจายความเสี่ยงการลงทุนผ่านทองคำมากขึ้น

แม้ราคาทองคำจะอยู่ในช่วงการสร้างฐานที่โซน 2,300 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ แต่ทั้งนี้สำหรับเป้าหมายราคาทองคำในครึ่งปีหลัง YLG ยังคงเป้าหมายเดิมที่ 2,500 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ โดยมองว่าส่วนหนึ่งครึ่งปีหลังเป็นช่วงไฮซีซันและเทศกาลให้ของขวัญก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนความต้องการทองคำแบบ Physical Gold มากขึ้นด้วย และในปีถัดไปหากปัจจัยหลายอย่างข้างต้นยังสนับสนุนทองคำอย่างชัดเจน ราคาทองคำก็จะมีโอกาสขึ้นทดสอบเป้าหมายถัดไปที่โซน 2,650-2,700 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์

ราคาทองคำครึ่งปีหลัง

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเริ่มลงทุนทองคำ วายแอลจีได้เปิดให้บริการลงทุนทอง ผ่านแอปพลิเคชัน Get Gold by YLG เปิดโอกาสเริ่มสะสมด้วยเงินลงทุนเพียง 100 บาท ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นแอปฯสำหรับซื้อขายทองคำออนไลน์ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ แต่ยังเป็นช่องทางสำหรับการลงทุนโดยถัวเฉลี่ยทุกๆ เดือน แบบ DCA (Dollar-Cost Averaging) ทั้งนี้ทองคำได้พิสูจน์แล้วตั้งแต่ อดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต ว่าเป็น “ของต้องมี” เพราะผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี 5 ปี และ 3 ปี เฉลี่ยเกือบ 5% จึงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และตอบโจทย์การลงทุนของคนรุ่นใหม่ที่สามารถซื้อ-ขายทองคำ Gold Spot แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง เข้าถึงง่ายด้วยสมาร์ตโฟน และมีความน่าเชื่อถือ ด้านความปลอดภัย สามารถทำกำไรได้จริง โดยผู้สมัครสามารถยืนยันตัวตนพร้อมยื่นเอกสารผ่านแอปพลิเคชัน รู้ผลอนุมัติได้ภายในวันเดียว และสามารถทำการซื้อ-ขาย ทองคำได้ทันที เปิดให้ลงทุนเริ่มที่ 100 บาท ไปจนถึง 80 กิโลกรัมต่อ 1 วัน ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ที่ App Store และ Play Store หรือ LINE : @ylggetgold โทร. 0-2678-9888 #2

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK