“บล.กรุงศรี” หั่นเป้าหุ้นไทยปีนี้เหลือ 1,600 จุด จากเดิม 1,680 จุด อัปเดตกลยุทธ์การลงทุน แนะนำถือน้ำหนักหุ้นไทย 70% ส่องหุ้นเด่นล่าสุดที่นี่
บล.กรุงศรี (KSS) กำหนดดัชนีเป้าหมายปี 2567 ที่ระดับ 1,600 จุด จากเดิม 1,680 จุด โดยปรับลดสมมติฐานกำไรตลาดปี 2024F ลงเหลือ 92.5 บาท (เดิม 97 บาท) ตามการปรับลดสมมติฐาน GDP ปี 67 ของ Krungsri Research ที่เหลือ 2.7% ระดับดังกล่าวคิดเป็น ERP 3.26% ดีกว่าค่าเฉลี่ย ERP 3.06% เล็กน้อย โดยเป็นระดับที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม หากมองภาพ Downside ในส่วนดอกเบี้ยนโยบายไทยในปีนี้ เราประเมินธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีโอกาสลดดอกเบี้ยลง 1-2 ครั้ง
โดยเรามองจุดดีที่ตลาดลดความคาดหวังต่อ SET ไปแล้วเทียบกับสัญญาณเศรษฐกิจต้นปีที่ออกมาในทางบวก ภาคบริการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยว YTD 1-16 มีนาคม สูง 86% ของ Pre-COVID (40 ล้านคน) ผสานมาตรการกระตุ้นที่รออยู่จำนวนมาก มองเดินหน้าสู่ 36 ล้านคน เทียบก้บคาดการณ์ของตลาด 34 ล้านคน ขณะที่แรงส่งการจับจ่ายต่อหัว (BOT กังวล) กลับมา 4.84 หมื่นบาทต่อคน สูงกว่า Pre-COVID และเร่ง +6.0%y-y
ขณะที่การบริโภคเริ่มฟื้นตัวทั่วถึงขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/66 ขณะที่งวดไตรมาส 2/67 การใช้จ่ายและลงทุนภาครัฐฯที่เป็นปัจจัยกดดันตลอด 1 ปีที่ผ่านมาจะกลายเป็นแรงผลักดันทางบวก คาดงบประมาณจะเบิกจ่ายนับจากต้นเดือน เม.ย. ผสาน การเร่งดึงเม็ดเงินลงทุนต่างชาติสร้างอุตสาหกรรม S-Curve ใหม่ จะนำมาสู่การลงทุนเอกชน จึงน่าจะถือได้ว่าพัฒนาการเชิงบวกที่จะเห็นชัดเจนด้านเศรษฐกิจจะเข้ามานับจากไตรมาส 2/67 และคาดนำมาสู่วงจร Earnings Upgrade กำไรตลาดหุ้นไทยปี 67 ที่ KSS ประเมิน 92.5 บาท
กลยุทธ์การลงทุน
KSS แนะนำถือน้ำหนักหุ้นไทย 70% , หุ้นต่างประเทศคงไว้ที่ 15% พันธบัตร 10% และสินทรัพย์ทางเลือก 5% โดยประเมินกรอบการแกว่งตัวขึ้น ช่วงไตรมาส 2/67 ที่กรอบแนวรับ 1,350/1,330 จุด แนวต้าน 1,450/1,480 จุด
ทั้งนี้ แนะนำให้ Overweight ธีมหลัก คือ หุ้นได้ประโยชน์จาก
- Rate Cut Cycle (กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า, ต้นทุนทางการเงินลดลง, กลุ่มภาระหนี้สูง, กลุ่ม High Growth)
- Government Policy Support (ภาคการบริโภค-บริการ, งบประมาณภาครัฐฯหนุน, Soft power)
- China & EU Recovery (กลุ่มอิงภาคการผลิตโลกฟื้นตัว และ Logistic)
โดยมีหุ้นเด่น AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, MTC, SCGP, TU ส่วน Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC
สำหรับการลงทุนต่างประเทศ : นโยบายการเงินโลกที่จะผ่อนคลายในปีนี้จะหนุนการ Search for Yield ในสินทรัพย์ของ ฝั่ง EM ที่เติบโตสูงกว่า แนะนำกระจายพอร์ตในเอเชียที่ยังเติบโตดีกองทุนหุ้นเอเซีย หรือ จีนที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนเริ่มคาดหวังได้มากขึ้น ผสาน ERP สูง +2SD เป็น Value Market ผสานกองทุนเวียดนาม กองทุนหุ้นไทย ส่วนฝั่ง DM แนะนำกระจายการลงทุนใน EU ที่เศรษฐกิจเริ่มได้แรงส่งจากภาคการผลิตตามจีน และภาคบริการเร่งจากทิศทางค่าจ้างแท้จริงเป็นบวก และมี Valaution เหมาะสม
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- หุ้นวันนี้ปิดตลาดยืนบวก 4.33 จุด ต่างชาติยังเทขาย คาดสัปดาห์หน้าร่วงต่อ!
- หุ้นเช้าเงียบเหงา! เปิดบวก 0.22 จุด คาดวันนี้แกว่งไซด์เวย์ แนะหาจังหวะซื้อสะสม
- หุ้นไทยดิ่งแรง! ปิดร่วง 9.91 จุด แย่สุดในภูมิภาค ต่างชาติขายอีก 3 พันล้าน!
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- Twitter: https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg