Stock

‘CPF’ หุ้นใหญ่ที่กำไรรีบาวด์ – กำลังตีปีกบินอีกครั้ง

CPF หุ้นใหญ่ที่กำไรรีบาวด์ กำลังตีปีกบินอีกครั้ง ส่องแนวโน้มไตรมาส 2 ผลประกอบการน่าจะดีกว่าไตรมาสแรก  

หุ้น CPF หรือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจร ทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำ ได้แก่ สุกร ไก่เนื้อ เป็ด กุ้ง และปลา  สามารถจำแนกประเภทธุรกิจหลัก ได้เป็น 3 ประเภทคือ

1. ธุรกิจอาหารสัตว์

2. ธุรกิจเลี้ยงสัตว์

3. ธุรกิจอาหาร

ความน่าสนใจของ CPF คือเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่มีขนาด Market Cap. สูงถึง 1.8 แสนล้านบาท  มีแนวโน้มทำราคาหุ้นพลิกรีบาวด์เป็นขาขึ้นได้อีกครั้ง หลังผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2567 สามารถเทิร์นอะราวด์ทำกำไรสุทธิได้สำเร็จ

CPF

โดย CPF รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ 1,152 ล้านบาท พลิกจากผลขาดทุนสุทธิที่ 2,725 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2566 ปัจจัยหนุนหลักมาจากราคาเนื้อสัตว์ในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวดีขึ้นจากระดับปีก่อน ประกอบกับประสิทธิภาพในการผลิตที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้ต้นทุนในการเลี้ยงสัตว์ลดลง

ทำให้ล่าสุด บทวิเคราะห์ บล.เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ ได้เลือกหุ้น CPF เป็น Top Pick คาดว่าบริษัทจะมียอดขายรวมปี 2567 เติบโต 8-10% หนุนจาก 2 ปัจจัยบวก ได้แก่

1. ความต้องการเนื้อสัตว์ที่เริ่มกลับมา

2. ราคาต้นทุนวัตถุดิบมีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะราคาข้าวโพด อยู่ที่ระดับประมาณ 10 บาทต่อกิโลกรัม ลดลงจากระดับ 12.7 บาทต่อกิโลกรัม

ส่งผลให้บริษัทมีโอกาสรายงานกำไรสุทธิในปีนี้ หลังมีผลขาดทุนสุทธิในปี 2566 ในส่วนของแนวโน้มไตรมาส 2/2567 มองว่าผลประกอบการจะดีกว่าไตรมาสแรก เนื่องจากราคาเนื้อไก่ในประเทศไทยและต่างประเทศมีโอกาสปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น แม้ราคาเนื้อหมูในระยะสั้นของไทยจะยังถูกกดดันจากปัญหาการนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน แต่ราคาขายเนื้อหมูในต่างประเทศมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

ด้าน Technical View พบว่าราคาหุ้น CPF ย่อตัวในกรอบ Downtrend แนวโน้มเป็นเชิงลบระยะสั้น มีการสะสมกำลังใกล้กรอบล่างพร้อม RSI ที่เข้าเขต Oversold ทำให้ระยะสั้น ดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวในกรอบ มีแนวต้านแรกที่ 21.70 บาทต่อหุ้น และ 22.10 บาทต่อหุ้น แต่หากหลุด 21.20 บาทต่อหุ้น ให้ตัดขาดทุน

ขณะที่มุมมอง บล.บัวหลวง แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” บนเป้าหมายพื้นฐาน 25.00 บาทต่อหุ้น โดยแนวโน้มของบริษัทจะสดใสตั้งแต่ไตรมาส 2/2567 เป็นต้นไป จากราคาไก่และหมูในประเทศไทยที่เพิ่มสูงขึ้น ด้วยแรงหนุนจากการส่งออกไก่ในช่วงไฮซีซั่น และการนำเข้าเนื้อหมูผิดกฎหมายที่ลดลง

CPF
ภาพ:เพจCPF

นอกจากนี้ ผู้บริหารมองว่าปัจจัยที่ต้องติดตามในช่วงครึ่งปีหลัง คือธุรกิจหมูที่ยังขาดทุนในจีน  คาดว่าจะกลับมาทำกำไรในไตรมาส 4/2567 เนื่องจากการฟื้นตัวของโมเมนตัมการบริโภคในจีนอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ด้านต้นทุนรวม คาดว่าต้นทุนวัตถุดิบจะลดลง 5-7% ในปี 2567 เมื่อเทียบกับปี 2566 อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารพูดถึงความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์  อาจมาอย่างไม่คาดคิดและส่งผลลบต่อธุรกิจในด้านต่างๆ เช่น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ความต้องการของผู้บริโภคที่ลดลง ข้อพิพาททางการค้า ซัพพลายเชน และการหยุดชะงักด้านโลจิสติกส์ เป็นต้น

สำหรับมุมมอง บล. หยวนต้า ปรับราคาเหมาะสมหุ้น CPF ขึ้นเป็น 25.00 บาทต่อหุ้น และคงคำแนะนำ “ซื้อ” ซึ่งประเมินว่าแนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลัง 2567 มีโอกาสดีขึ้น ทั้งจาก Supply หมูในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากราคาที่ตกต่ำในช่วงปีที่ผ่านมา ประกอบกับหมูจีนที่คาดจะปรับขึ้นเหนือระดับต้นทุนการเลี้ยงได้

นอกจากนี้ CPF มีสัดส่วนการถือหุ้นใน CPALL อยู่ 34.5% หรือคิดเป็นมูลค่าต่อ CPF ที่ราว 22 บาทต่อหุ้น ดังนั้น ประเมินว่า ณ ระดับราคาปัจจุบัน ได้สะท้อนภาพการฟื้นตัวของผลประกอบการเพียงบางส่วนเท่านั้น จึงปรับราคาเหมาะสม CPF ขึ้น จากการสะท้อนการปรับขึ้นราคาเป้าหมายของ CPALL เป็น 76 บาทต่อหุ้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

ติดตามเราได้ที่

เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน