Stock

KBank Private Banking และ Lombard Odier คาดเศรษฐโลกชะลอลง แนะจัดพอร์ตรับดอกเบี้ยขาลง

KBank Private Banking และ Lombard Odier คาดเศรษฐกิจโลกจะชะลอลงแบบ Soft Landing แนะจัดพอร์ตลงทุนรับมือทิศทางดอกเบี้ยขาลง ชี้ความเสี่ยงยังไม่หมดไป ให้เน้นกระจายการลงทุน บริหารความเสี่ยงสินทรัพย์

KBank Private Banking ร่วมกับ Lombard Odier พันธมิตรทางธุรกิจไพรเวทแบงก์ระดับโลกจากสวิตเซอร์แลนด์ จัดงานสัมมนาในหัวข้อ Repositioning Portfolio To Embrace Rate Cuts เพื่อวิเคราะห์และประเมินเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งหลังของปี 2567

โดยคาดว่ามีโอกาสสูงที่เศรษฐกิจโลกจะชะลอลงแบบ Soft Landing และเศรษฐกิจจะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) จึงประเมินว่าสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นต่อได้

อย่างไรก็ดี ยังมีหลายความเสี่ยงที่กระทบตลาดทุนที่นักลงทุนต้องจับตา อย่าง อัตราดอกเบี้ยที่อาจจะสูงยาวนานต่อเนื่อง (Higher for Longer) ความขัดแย้งทั้งสงครามกายภาพและสงครามการค้า รวมถึงการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีที่อาจจะกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ

แนะให้แบ่งเงินลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาวโดยเน้นลงทุนแบบ Risk-based ที่กระจายลงทุนในสินทรัพย์หลักทั่วโลกผ่านกองทุน ALL ROADS Series พร้อมกระจายลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ และการลงทุนทางเลือก เพื่อสะสมความมั่งคั่งในระยะยาว

KBank Private Banking

ภาพรวมตลาดหุ้นทั่วโลกให้ผลตอบแทนที่ดี

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปี 2567 ถือว่าเป็นปีที่ดีของการลงทุน ภาพรวมตลาดหุ้นทั่วโลกให้ผลตอบแทนที่ดีต่อเนื่องจากปี 2566 เห็นได้จากที่ผลตอบแทนสินทรัพย์เสี่ยงอย่างดัชนีหุ้นทั่วโลก (MSCI All Country World Index) ปรับเพิ่มขึ้น +11.5% เป็นผลมาจากที่เศรษฐกิจทั่วโลกที่ฟื้นตัวได้ดี จากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ฟื้นตัวและเติบโตขึ้นในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มเทคโนโลยี สินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าฟุ่มเฟือย

อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยที่ท้าทายตลาดลงทุนที่นักลงทุนต้องจับตาในอีกหลายประการ เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเริ่มลดดอกเบี้ยเมื่อไหร่ ใครจะเป็นผู้ชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ซึ่งจะกระทบต่อนโยบายเศรษฐกิจและการเมืองโลกอย่างมีนัยสำคัญ ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของสงครามที่ใช้อาวุธและกำลังคน หรือสงครามการค้าและเทคโนโลยี

โดยธนาคารได้ร่วมมือกับลอมบาร์ด โอเดียร์ จัดงานสัมมนาเพื่อสรุปเหตุการณ์สำคัญและให้มุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อภาคการลงทุน รวมทั้งตลาดการลงทุนทั่วโลกเป็นประจำทุกปี เพื่อนำเสนอกลยุทธ์และให้คำแนะนำในการจัดพอร์ตการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 เพื่อให้ลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูงของธนาคารเตรียมพร้อมรับมือ และสามารถบรรลุเป้าหมายในการสร้างความเติบโตและโอกาสในการต่อยอดความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน

KBank Private Banking
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย

แนะจัดพอร์ตลงทุนรับมือทิศทางดอกเบี้ยขาลง

มร.โฮมิน ลี Senior Asia Macro Strategist, Lombard Odier (Singapore) กล่าวว่า ลอมบาร์ด โอเดียร์ มีมุมมองเชิงบวกต่อสภาพเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 จึงประเมินว่าภาพรวมตลาดลงทุน โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นต่อได้ เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง นำโดยภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมการผลิตชิปที่กำลังเป็นความต้องการจากทั่วโลก

นอกจากนี้ แม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED ชะลอการลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งช้ากว่าที่ตลาดคาดไว้ แต่คาดว่า FED มีแนวโน้มที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลง 2 ครั้งภายในปีนี้ ประกอบกับตลาดแรงงานเริ่มลดความร้อนแรงลงบ้าง จากตัวเลขตำแหน่งงานว่าง (Job openings) ค่าจ้างที่ปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลง และอัตราการว่างงานที่เริ่มปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งน่าจะไม่กระทบกับเงินเฟ้อ จนกระทบกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต

อีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่ต้องจับตาสำหรับสหรัฐฯ ในครึ่งหลังของปีก็คือการเลือกตั้ง ซึ่งผลสำรวจพบว่ามีโอกาสที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง ซึ่ง Trump 2.0 อาจจะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงหลายด้าน ทั้งด้านตลาดแรงงาน เศรษฐกิจ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ด้านยุโรป หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ลดดอกเบี้ยไปแล้ว และคาดว่าจะลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและเล็ก และจะช่วยขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจในยุโรปกลับมาฟื้นตัวได้ดี

ในขณะที่จีนยังคงเผชิญความท้าทาย นอกจากประเด็นภาคอสังหาฯ แล้ว ยังมีความเสี่ยงจากนอกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ที่มีการเลือกตั้งในสหรัฐฯ อาจมีการยกระดับสงครามการค้า โดยตั้งแต่ปี 2561 สัดส่วนการนำเข้าจากสินค้าจากจีนมาสหรัฐฯ ปรับลดลง อย่างมีนัยสำคัญ และเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติก็ปรับลดลงด้วย

เหตุการณ์สำคัญที่ต้องจับตาคือ การประชุมของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่สาม (China’s Third Plenum) และการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง (China’s Politburo) ในเดือนกรกฎาคม โดยคาดว่าทางการจีนจะออกมาตรการหนุนภาคอสังหาฯ เพิ่มเติม ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องจับตาต่อไป

S 192184338

กระจายการลงทุน บริหารความเสี่ยงสินทรัพย์

นางสาวศิริพร สุวรรณการ Senior Managing Director, Financial Advisory Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า จากมุมมองแนวโน้มเศรษฐกิจโดยลอมบาร์ด โอเดียร์ พบว่ายังมีความท้าทายที่นักลงทุนต้องจับตาอยู่ เพราะสภาพเศรษฐกิจทำให้เกิดความเสี่ยงในการลงทุน

โดย KBank Private Banking ยังคงแนะนำให้แบ่งเงินลงทุนเพื่อสะสมและต่อยอดความมั่งคั่งในระยะยาว ออกเป็น 2 ส่วน (1) พอร์ตหลัก (Core portfolio) คิดเป็นสัดส่วน 50-70% ให้ลงทุนโดยเลือกกองทุนผสมแบบ Risk-based approach ที่กระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ ทั้งหุ้น ตราสารหนี้  สินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งค่าความผันผวน (VIX Index) ที่ใช้หลักการจัดการลงทุนอย่างเป็นระบบ มีกฎเกณฑ์ชัดเจน ไม่ขึ้นกับการคาดการณ์ของตลาดหรือผู้จัดการกองทุน

ด้วยกลยุทธ์หลักที่บริหารเชิงรุกและยืดหยุ่นสูง สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของตลาดอย่างสม่ำเสมอ และมีการควบคุมความเสี่ยงของพอร์ตตลอดเวลา โดยผ่านการลงทุนกองทุน All Roads Series (2) พอร์ตเสริม (Satellite portfolio) คิดเป็นสัดส่วน 30-50%  โดยแบ่งการลงทุนใน

  • หุ้นกลุ่ม Growth เช่น กองทุนหุ้นสหรัฐฯ ที่มีศักยภาพในการเติบโตที่โดดเด่น แม้ว่าราคาจะปรับเพิ่มขึ้นมามากแล้ว แต่ก็หนุนโดยกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ราคาหุ้นในปัจจุบันวัดจากปัจจัยพื้นฐาน (Valuation) แล้ว ยังถือว่าราคาไม่แพง และยังมีโอกาสเติบโตได้อีก โดยแนะนำให้ลงทุนในกองทุน K-USA กองทุนหุ้นยุโรปขนาดกลางและเล็ก ที่จะได้ประโยชน์โดยตรงจากการลดดอกเบี้ยของ ECB โดยแนะนำให้ลงทุนในกองทุน K-EUSMALL

นอกจากนี้ยังแนะนำกองทุนหุ้นเวียดนาม ที่กำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโตโดดเด่นเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค อีกทั้งระดับราคาหุ้นในปัจจุบันวัดจากปัจจัยพื้นฐาน (Valuation) ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และในระยะยาวยังได้ประโยชน์จากเม็ดเงินลงทุนของต่างชาติที่ย้ายฐานการผลิตเข้ามาในเวียดนามด้วย โดยแนะนำให้ลงทุนในกองทุน PRINCIPAL-VNEQ

S 192184335

  •   ตราสารหนี้ อย่าง พันธบัตรรัฐบาลระยะยาว จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (US Bond Yield) ที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงและมีโอกาสปรับลงในระยะข้างหน้า เมื่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของ FED ชัดเจนขึ้น ทำให้ผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยมีความน่าสนใจ และยังมีโอกาสได้กำไรจากส่วนต่างราคาเมื่อ FED ปรับลดดอกเบี้ย

นอกจากนี้ พันธบัตรรัฐบาลถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดี หากเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะชะลอตัว โดยแนะนำให้ลงทุนในกองทุน K-GDBOND และเสริมพอร์ตการลงทุนด้วยหุ้นกู้ในภูมิภาคเอเชีย ผ่านกองทุน K-APB ที่ให้ผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง และมีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำเนื่องจากเศรษฐกิจในเอเชียยังแข็งแกร่ง

  • การลงทุนทางเลือก เช่น กองทุนทางเลือกที่มีกลยุทธ์ซื้อขายสกุลเงินหลักของโลก ที่เน้นลงทุนในสกุลเงินหลัก ที่คาดว่าจะแข็งค่าขึ้น ผ่านการวิเคราะห์จากหลายปัจจัยพื้นฐาน ทั้งแนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อดุลการชาระเงิน รวมทั้งกระแสเงินไหลเข้า – ออก โดยแนะนำให้ลงทุนในกองทุน DAOL-FXALPHA-UI

S 192184336

ลดความผันผวนให้พอร์ต

ในสภาวะปัจจุบัน ตลาดลงทุนยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายหลายเรื่อง แต่ KBank Private Banking มองว่าปี 2567 ยังเป็นปีที่ดีของการลงทุน จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ช่วงครึ่งแรกของปีตลาดหุ้นในหลายภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น อินเดีย เวียดนาม ทยอยและสลับกันทำจุดสูงสุด ในขณะที่สินค้าโภคภัณฑ์ อย่าง ทองคำ และ น้ำมัน ก็สร้างกำไรได้ ในด้านตลาดตราสารหนี้ แม้ราคาจะยังต่ำอยู่ แต่ผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ในรูปแบบของดอกเบี้ยยังทำได้ดีจากอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง

ดังนั้น ธนาคารยังคงแนะนำให้นักลงทุนให้ความสำคัญกับการกระจายความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความผันผวนให้พอร์ต เหมาะกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอและสะสมความมั่งคั่งในระยะยาว

สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถรับชมงานสัมมนา Repositioning Portfolio To Embrace Rate Cuts ได้ที่ KBank Private Banking Youtube Channel หรือ  สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ของ KBank Private Banking ได้ที่  https://kbank.co/3NrNbw9  

S 192184337

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo